เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สำนักงานเลขาธิการสภารการศึกษา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทานและเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันคล้ายวันสถานปนาสำนักงานเลขาธิการสภารการศึกษา ครบรอบปีที่ 63  และเป็นประธานการเสวนาพิเศษ เรื่อง “สภาการศึกษาเข็มทิศการศึกษาไทย :สร้างกำลังคนสมรรถนะสูงรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลก” โดยคุณหญิงกัลยาให้สัมภาษณ์ภายหลังการเสวนา ว่า สภาการศึกษาเป็นสมองของการชี้ทิศทางการศึกษาไทย เป็นเข็มทิศการศึกษา เข็มทิศประเทศไทย  เพื่อให้เด็กไทยสามารถอยู่ในโลกดิสรัป หรือ ยุคดิจิทัล ได้อย่างมีความสุขและมีภูมิคุ้มกันที่จะสามารถแก้ปัญหาในยุค “วูก้า” VUCA หรือ VUCA World  ได้

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า วันนี้แม้จะไม่มีโรคติดเชื้อโควิด 19  เราก็จำเป็นต้องปรับทิศทาง ชี้ทิศทางการศึกษาไทย ให้คนไทยทันโลก ซึ่งเราจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก มีอาวุธพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ทุกขณะ โดยเราต้องเตรียมเด็กให้คิดเป็น แก้ปัญหาได้ ซึ่งโค้ดดิงคือเครื่องมือสำคัญที่จะฝึกให้เด็กคิดเป็นโดยใช้ทักษะทางวิทยาศาสตร์ในแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน  อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องทำให้เด็กเรียนอย่างมีความสุขและสนุก  พ่อแม่ไม่ต้องรู้ทุกอย่าง ครูไม่ต้องรู้ทุกอย่าง แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับเด็ก รวมถึงต้องส่งเสริมเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม รากเหง้าของความเป็นไทย จากที่มุ่งเน้นเรื่องของ สะเต็มศึกษา ( STEM ) ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรม (Engineering) และ คณิตศาสตร์ (Math)  ก็เพิ่ม A เข้าไป เป็น สตีม(STEAM)วิทยาศาสตร์ (Science), เทคโนโลยี (Technology), วิศวกรรม (Engineering), ศิลปะ (Arts) และ คณิตศาสตร์ (Math) เพื่อให้เด็กไทยในอนาคตนอกจากจะเป็นคนเก่งแล้วยังต้องเป็นคนดีด้วย

“ สำหรับเรื่องการสร้างกำลังคนสมรรถนะสูงทางสภาการศึกษาจะช่วยกำหนดทิศทาง แต่หน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องคิดและทำด้วย  เพราะการสร้างคนที่มีศักยภาพสูงไม่ใช่จะทำได้ในวันเดียว ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการก็คิดและทำไว้มาเป็นระยะ และตอนนี้ทางสภาการศึกษาก็มีความคิดที่จะเดินสายสัญจรพบปะเสาหลักเศรษฐกิจไทย เพราะคิดว่าการศึกษาจะอยู่ลำพังไม่ได้ ต้องพบปะกับเสาหลักต่าง ๆ ภาคเอกชน การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม การเกษตร  ให้มาร่วมคิดและร่วมชี้ทิศทางการศึกษาของไทย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละภาคส่วน เป็นการต่อยอดจากที่ทำมาแล้ว”คุณหญิงกัลยากล่าว

ด้านดร.อรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า สภาการศึกษาจะเดินสายพบปะเสาหลักเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อดูว่าเขาต้องการคนอย่างไร จากนั้นจะได้มาทำวิจัย สังเคราะห์ และนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนผลิตกำลังคนของประเทศ จากนั้นจะมอบให้หน่วยงานผลิตคนไปผลิตตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม และสถานประกอบการ  โดยจะเริ่มเดินสายในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป้าหมายกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มท่องเที่ยว  อย่างไรก็ตามสำหรับข้อแนะนำต่าง ๆ ที่ได้จากการเสวนาในวันนี้ สภาการศึกษาจะนำมาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อน กำหนดยุทธศาสตร์ ปีงบฯ 2566  อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ คุณหญิงกัลยา เน้นย้ำอย่างมาก คือ เรื่องของ วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงาม รากเหง้าของคนไทย ที่จะต้องสอดแทรกลงไปด้วย เพื่อให้เด็กไทยนอกจากจะเป็นคนเก่งแล้วยังต้องเป็นคนดี ที่จะทำให้เราสามารถชนะเครื่องและประเทศอื่น ๆ ได้ ซึ่งสภาการศึกษาจะเน้นย้ำเรื่องนี้ด้วย

 

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments