เมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 10 มกราคม 2567 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  และคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ 1,220 คน เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เพื่อรับโอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567  ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลโดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน  กล่าวรายงานตอนหนึ่งว่า การจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 กระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้กำหนดให้มีกิจกรรมใน 2 ส่วน คน คือ ส่วนแรก การนำเด็กและเยาวชนดีเด่น เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ซึ่งคัดเลือกจากผู้ที่มีความประพฤติดี เรียนดี และมีความสามารถระดับชาติ รวม 1,220 เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี เพื่อรับโอวาทในวันนี้ และส่วนที่ 2 เป็นการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 โดยความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ณ กระทรวงศึกษาธิการ และสถานที่ตั้งของส่วนราชการ หน่วยงานในภูมิภาค ทั้ง 76 จังหวัด

นายเศรษฐา ได้กล่าวให้โอวาท ว่า  รู้สึกปลาบปลื้มใจที่จะได้มาอยู่ท่ามกลางเด็กและเยาวชนทุกคน ที่มีความรู้มีความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และนำชื่อเสียงอันน่าภาคภูมิมาสู่ประเทศในวันนี้ พร้อมขอชื่นชมกระทรวงศึกษาธิการรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมดำเนินการและให้ความสำคัญแก่เด็กและเยาวชน ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

“เด็กและเยาวชน คือทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า ที่ผู้ใหญ่จากทุกภาคส่วนจะต้องดูแล ให้โอกาสและหล่อหลอมให้เจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ขอให้เด็กและเยาวชน รู้จักความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณ เป็นพลเมืองที่มีความรักความสามัคคีต่อประเทศชาติ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบระเบียบวินัยที่ดี กรอบของกฎหมาย นำความรู้ความสามารถที่มีไปใช้ควบคู่คุณธรรม ตลอดจนตระหนักถึงความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ สอดรับกับคำขวัญวันเด็กในปีนี้ที่ผมให้ไว้ว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย

ขอแสดงความยินดีและขอชื่นชมน้อง ๆ เด็กและเยาวชน ทั้ง 1,220 คน ที่ได้รับรางวัลในวันนี้ ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ทุกคนมีความขยันหมั่นเพียร ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนพยายามฝึกฝนให้มีทักษะด้านต่าง ๆ จนเกิดความสำเร็จ สร้างคุณประโยชน์แก่ตนเองสังคม และประเทศชาติ ท้ายสุด ขอเป็นกำลังใจและขอให้ทุกคนพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ทิ้งการศึกษา และทำในสิ่งที่ตนเองได้ตั้งเป้าไว้ ซึ่งการได้รับรางวัลวันนี้ถือเป็นเกียรติประวัติที่สง่างามแก่ตนเองและวงศ์ตระกูล รวมทั้งเป็นแบบอย่างสร้างสรรค์ให้กับเด็กและเยาวชนรุ่นต่อไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบของขวัญวันเด็กแก่ตัวแทนเด็กและเเยาวชน พร้อมถ่ายภาพหมู่และเยี่ยมชมของขวัญจากเด็กและเยาวชนที่นำมามอบให้ ก่อนพบปะทักทายนักเรียน ผู้ปกครอง และครู บริเวณภายในและรอบตึกสันติไมตรีอย่างเป็นกันเอง

จากนั้น พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบโล่ให้แก่เด็กและเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือก รวม 1,220 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

  1. เด็กและเยาวชนดีเด่น ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และองค์กรเอกชน รวม 604 คน
  2. เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยพิจารณาคัดเลือกจากเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านวิชาการ ด้านศิลปวัฒนธรรมและดนตรี ด้านทักษะฝีมือวิชาชีพ ด้านกีฬา และนันทนาการ และด้านศีลธรรม คุณธรรมและจริยธรรม รวม 279 คน และสมาชิกประเภททีม จำนวน 337 คน

ในโอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ ให้โอวาทความว่า ขอแสดงความยินดีกับเด็กและเยาวชนทุกคน ที่ได้รับรางวัลในวันนี้ พร้อมขอให้เก็บความรู้สึกที่ดีและความภาคภูมิใจ เพื่อเป็นพลังใจในการตั้งใจทำสิ่งดี ๆ และนำประสบการณ์ที่ได้รับถ่ายทอดสู่เพื่อนคนอื่น ๆ ให้ได้ร่วมภาคภูมิใจร่วมกัน

กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศและการศึกษาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ตามนโยบายเรียนดี มีความสุข มีเป้าหมายลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่มีเด็ก ๆ หลายคนยังต้องการที่จะเป็นครู สอดคล้องกับความมุ่งหมายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการสร้างคนตามนโยบาย เรียนดี มีความสุข เพื่อให้เติบโตไปพัฒนาประเทศในหลากหลายสาขาอาชีพ ที่สำคัญคือ การมีคนเก่งคนดีมาเป็นครูมากขึ้น ก็ถือเป็นเรื่องดีและเป็นประโยชน์ต่อวงการศึกษา ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อไป

อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความยินดีกับเด็กและเยาวชนอีกครั้ง และขอให้ตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง คือการเรียนหนังสืออย่างเต็มที่ โดยแบ่งเวลาเรียนและเวลาเล่นให้สมดุลกัน ซึ่งการเรียนไม่ใช่เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้อย่างต่อเนื่องโดยใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง พร้อมขอให้เชื่อฟังพ่อแม่ ครูอาจารย์ และมีความรู้รักสามัคคีต่อประเทศชาติ

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments