ดร.อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการประเมินนักเรียนนานาชาติ หรือ  PISA ว่า ถือเป็นการทดสอบสำคัญที่ทั่วโลกให้การยอมรับ และทุกประเทศใช้เป็นมาตรฐานในการพัฒนาระบบการศึกษาของตนเอง ความสำคัญของการทดสอบ PISA นอกเหนือจากเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพผู้เรียนและคุณภาพของระบบการศึกษาของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่ปรากฏอยู่ในดัชนีชี้วัดในระดับนานาชาติจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการต้องเตรียมความพร้อมอย่างเต็มความสามารถสำหรับการทดสอบPISA 2025 ที่กำลังจะมาถึงในเดือนสิงหาคม

ดร. อรรถพล กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในการทดสอบ PISA ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้จะต้องให้ความสำคัญกับ 2 ด้าน คือ 1. การเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการสอบ อันประกอบด้วย คอมพิวเตอร์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจาก การทดสอบ PISA ในรอบนี้ เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ต้องสอบในระบบออนไลน์ 100 % หากอุปกรณ์เครื่องมือไม่พร้อมแล้ว จะทำให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างแน่นอน และ 2. การสร้างบรรยากาศที่เสริมพลังให้กับผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายในทุกโรงเรียน เนื่องจากจุดอ่อนสำคัญของประเทศไทยอีกประการหนึ่ง คือ นักเรียนไทยไม่มีเป้าหมาย ความกระตือรือร้น และตั้งใจในการทำแบบทดสอบจำนวนมาก ดังนั้น โรงเรียนต้องกระตุ้นให้นักเรียนตั้งใจและมีสมาธิในการทำแบบทดสอบอย่างเต็มที่ เช่น เลื่อนกิจกรรมต่าง ของโรงเรียนที่จะทำให้นักเรียนวิตกกังวลออกไปก่อน เพื่อให้นักเรียนมีสมาธิกับการทำแบบทดสอบอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังควรปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทดสอบอย่างเต็มที่ เช่น การเลือกเวลาทดสอบในช่วงเช้า การดูแลให้นักเรียนให้รับประทานอาหารก่อนให้สอบ เพื่อให้มีแรงกายและแรงใจในการสอบ มาตรการต่าง เหล่านี้ ล้วนเป็นเสียงสะท้อนจากรุ่นพี่นักเรียนที่ควรเข้ารับการมดสอบแล้วสะท้อนกลับให้ฝ่ายนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการได้รับทราบ ที่แม้ฝ่ายบริหารจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนักเรียนที่มีประสบการณ์ในการทำแบบทดสอบ PISA มาแล้วทั้งสิ้น

ประเทศไทยเดิมพันภาพลักษณ์ทางการศึกษาของประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้าไว้กับการทดสอบ PISA ในครั้งนี้ เนื่องจาก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)เปลี่ยนระยะเวลาในการทดสอบใหม่จากเดิมเว้นระยะห่าง 3 ปี มาเป็น4 ปี หากผลการทดสอบ PISA ครั้งนี้ไม่เป็นไปตามที่ทุกคนคาดหวัง ย่อมส่งผลกระทบต่อการวางแผนทางการศึกษาของประเทศไทยอย่างแน่นอน ดังนั้น แม้จะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันทำให้ผลการทดสอบ PISA ของประเทศไทยให้ดีขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพของคนไทยในมุมมองของต่างชาติ ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ กระทรวงศึกษาธิการในการออกแบบอนาคตของประเทศไทยดร. อรรถพล

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments