เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความร่วมมือของโรงเรียนเอกชน “อนาคตการศึกษาไทย-จีน โรงเรียนเอกชน เนื่องในโอกาสความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี” ณ โรงแรมรอยัล ซิตี้ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร โดย ดร.สุเทพ ศธ. กล่าวว่า ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนได้พัฒนาอย่างมั่นคงและลึกซึ้งในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ และความร่วมมือระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยไทยและจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ และมีการขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ โดยในปี 2568 ได้ครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับการจัดการเรียนการสอนภาษาจีนในโรงเรียนเอกชนทุกระดับ มีการเปิดห้องเรียนพิเศษภาษาจีน การพัฒนาครูผู้สอน ตลอดจนการสร้างสื่อดิจิทัลสำหรับการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับบริบทสากล นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินโครงการความร่วมมือ และกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การประกวดสุนทรพจน์และความรู้ภาษาจีน การจัดสรรครูอาสาสมัครจีนให้แก่โรงเรียนเอกชน

“กระทรวงศึกษาธิการ ได้กำหนดนโยบายด้านการศึกษา 3+1 ที่เน้นการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต คือ ทักษะ 3 ภาษา (ไทย, อังกฤษ, จีน) ควบคู่กับการพัฒนาทักษะด้าน AI เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และมีรายได้ระหว่างเรียน โดยเป้าหมายของนโยบาย 3+1 คือการยกระดับสมรรถนะผู้เรียนผ่านการสร้างผู้เรียนให้มีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในยุคดิจิทัล ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการหารายได้ สนับสนุนให้ผู้เรียนมีทักษะที่นำไปสู่การสร้างรายได้ระหว่างเรียน และมีงานทำเมื่อสำเร็จการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยการใช้แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ และการมีส่วนร่วมของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน” ปลัด ศธ.กล่าว

ด้าน นายโกเมศ กลั่นสมจิตต์ รองเลขาธิการ กช. กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ในฐานะที่เป็นส่วนราชการที่ดูแลรับผิดชอบโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีน ส่งเสริมสนับสนุนและร่วมดำเนินการในการพัฒนาโรงเรียนเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูสอนภาษาจีนในโรงเรียนเอกชน มีการติดตามผลการสอนภาษาจีนและพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้มีมาตรฐานและศักยภาพด้านภาษาจีนที่สูงขึ้น โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนภาษาจีนมีคุณภาพและศักยภาพทางภาษาจีนที่สูงขึ้น และได้ร่วมมือกับสมาคมและเครือข่ายเอกชนสอนภาษาจีน ยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนภาษาจีนในโรงเรียนเอกชนในประเทศไทย

รองเลขาธิการ กช. ได้กล่าวตอนหนึ่งในช่วงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “อนาคตการศึกษาภาษาจีนในไทยกับยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีน” ว่า โรงเรียนเอกชนในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีน เพราะมีความคล่องตัวในการจัดหลักสูตร และมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์อนาคต ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้มีความร่วมมือกับสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีน รวมถึงเครือข่ายตามภูมิภาคอีก 7 เครือข่าย ร่วมกันแบ่งปันข้อมูลข่าวสารช่วยเหลือ ขับเคลื่อน และผลักดันให้โรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีนมีความ เพื่อยกระดับคุณภาพครูผู้สอนและพัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้ทันสมัย รวมถึงการส่งต่อนักเรียนเข้ารับการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เพราะทาง สช. เล็งเห็นว่า โรงเรียนเอกชนไม่เพียงเป็น “ผู้สอนภาษา” แต่ยังเป็น “ผู้สร้างสะพานเชื่อมโยง” ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและจีนในอนาคตอีกด้วย ดังนั้น โรงเรียนเอกชนควรพัฒนาสื่อการเรียนการสอนภาษาจีนที่สอดคล้องกับยุคดิจิทัล ยกระดับครูผู้สอนให้มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาและเทคโนโลยี สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำของจีน และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกประสบการณ์จริง ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน พร้อมย้ำว่า “การศึกษา” คือ สะพานที่แข็งแรงที่สุดที่จะเชื่อมโยงคนสองประเทศเข้าด้วยกัน ภาษาจีนจึงไม่ใช่เพียงแค่ทักษะ แต่คือโอกาสในการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับเยาวชนไทย และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป

“หากมองไปสู่อนาคต 10 ปีข้างหน้า หากเราวางยุทธศาสตร์และขับเคลื่อนร่วมกันอย่างจริงจัง ประเทศไทยจะสามารถสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญภาษาจีนได้มากขึ้นอย่างก้าวกระโดด เยาวชนไทยจะไม่เพียงสามารถสื่อสารภาษาจีนได้คล่องแคล่ว แต่ยังเข้าใจวัฒนธรรม ความคิด และวิธีการทำงานร่วมกับชาวจีนอย่างลึกซึ้ง เมื่อการศึกษาเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจ เราจะมีโอกาสดึงดูดการลงทุน สร้างเครือข่ายธุรกิจ และสร้างความร่วมมือทางวิชาการในระดับสูงยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการศึกษาของอาเซียนต่อไปในอนาคต” รองเลขาธิการ กช. กล่าว

นายมณฑล กล่าวถึงการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชนสอนภาษาจีน ว่า  สช. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน ผ่านการเสริมสร้างศักยภาพครูผู้สอนทั้งชาวไทยและชาวจีน รวมถึงช่วยสนับสนุนด้านทรัพยากรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและทิศทางความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเน้นย้ำถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายทางการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนภาษาจีนให้มีความยั่งยืนและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคต

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments