เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ทั้งนี้ในการประชุมดังกล่าวได้มีวาระพิจารณาตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) โดยมี นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และผู้เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ผู้แทนเลขาธิการ กพฐ.เข้าชี้แจง ในประเด็นองค์การค้าของ สกสค.ค้างชำระค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีวิชาภาษาไทย กับกลุ่มสาระอื่น ๆซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน( สพฐ.)เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์

 นายปรีติ เจริญศิลป์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร(สส.)พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะ กมธ.ป.ป.ช. คนที่ 5 ได้สอบถามถึงหลักการในการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์กับหน่วยงานต่างๆ ที่นำไปผลิตหนังสือแบบเรียน และขอข้อมูลในส่วนค่าลิขสิทธิ์พิมพ์หนังสือแบบเรียนที่องค์การค้าของ สกสค.ค้างชำระอยู่ ซึ่งผู้แทนจาก สพฐ. ได้ชี้แจงว่า การเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ต้นฉบับของสพฐ.เป็นการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์สื่อการเรียนรู้การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2552 โดยกำหนดให้ สพฐ.นำส่งต้นฉบับพร้อมลิขสิทธิ์ให้กับหน่วยงานที่ดำเนินการผลิตหนังสือแบบเรียน โดยในส่วนขององค์การค้าของ สกสค. ได้รับลิขสิทธิ์พิมพ์หนังสือแบบเรียนของ สพฐ.ทุกปีการศึกษา ซึ่งต้องชำระค่าลิขสิทธิ์หนังสือแบบเรียนแยกตามระดับชั้น ในอัตราร้อยละ 3,5,10 และ15 ทั้งนี้ยอมรับว่า ปัจจุบัน องค์การค้าของ สกสค. ได้ค้างชำระค่าลิขสิทธิ์ สพฐ.อยู่กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดค้างชำระสะสมมาตั้งแต่ปี 2559

อย่างไรก็ตาม ผู้แทน สพฐ. ชี้แจงด้วยว่า เนื่องจากที่ผ่านมา สพฐ.ไม่ได้ทำการทวงถาม จึงไม่ทราบว่าเหตุใดองค์การค้าของ สกสค.จึงไม่ได้ชำระค่าลิขสิทธิ์ให้กับ สพฐ. มีเพียงช่วงเชื้อไวรัสโควิด-19 เท่านั้นที่แจ้งขอผลัดชำระเข้ามา อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2568 สพฐ.ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยัง องค์การค้าของ สกสค. ให้ดำเนินการชำระค่าลิขสิทธิ์ที่ค้างชำระ พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับเบี้ยปรับ ซึ่งทางองค์การค้าของ สกสค.ก็ได้มีหนังสือแจ้งกลับมาว่า จะทยอยชำระให้เดือนละ 3 ล้านบาท และชำระร้อยละ 40 ของจำนวนจ้างพิมพ์ นอกจากนี้ผู้แทน สพฐ.ยังยอมรับว่า ที่ผ่านมา สพฐ.และองค์การค้าของ สกสค.ไม่ได้มีการทำสัญญาเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์แบบเรียนระหว่างกันตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์สื่อการเรียนรู้การศึกษาขั้นพื้นฐานและการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2552 กำหนด

ทั้งนี้ในที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ องค์การค้าของ สกสค.ไม่ชำระค่าลิขสิทธิ์ให้แก่ สพฐ.ตามระเบียบฯนั้นถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ว่าจ้างรายอื่น ๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่พิมพ์หนังสือและจำหน่ายหนังสือแบบเรียนเล่มที่ซ้ำกับองค์การค้าของ สกสค. แต่ชำระค่าลิขสิทธิ์ให้กับ สพฐ.ตามกำหนดทุกปี เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงส่งผลให้องค์การค้าของ สกสค.มีต้นทุนการผลิตหนังสือแบบเรียนที่ต่ำกว่า กมธ.ป.ป.ช.จึงเสนอให้เชิญ กรมบัญชีกลาง มาสอบถามว่า การที่ สพฐ.ไม่ทวงถามค่าลิขสิทธิ์จาก องค์การค้าของ สกสค. รวมถึงการที่องค์การค้าของ สกสค.ค้างชำระค่าลิขสิทธิ์มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปีเข้าข่ายมีความผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อย่างไร รวมถึงอาจเข้าข่ายมีพฤติกรรมทุจริตด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประชุมวันนี้ ผู้แทน สพฐ.ไม่ได้เตรียมเอกสารต่างๆ ที่อ้างอิงมาประกอบการชี้แจง โดยระบุว่า เพิ่งได้รับมอบหมายจาก เลขาธิการ กพฐ.ให้มาชี้แจงต่อ กมธ.ป.ป.ช.อย่างกะทันหัน ดังนั้นที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. จึงได้ขอให้สพฐ.นำส่งเอกสารต่างๆ ให้ กมธ.ป.ป.ช.โดยเร็ว และจะเชิญ ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการ กพฐ.มาชี้แจงในประเด็นนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งเชิญ อธิบดีกรมบัญชีกลาง มาให้ข้อมูลประกอบในการประชุม กมธ.ป.ป.ช.ในวันที่ 22 ต.ค.2568 นี้

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments