เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2568  ที่ ห้องประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน( ศูนย์การศึกษาหนองระเวียง) จังหวัดนครราชสีมา ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบาย การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ระดับห้องเรียน โดยมี ดร.เอกราช ดีนาง รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นผู้กล่าวรายงาน ในการประชุมวิชาการครั้งนี้ มีผู้บริหารโรงเรียนและครูจากโรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ยโสธร มหาสารคาม ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ และนครราชสีมา จาก 86  โรงเรียน จำนวน  1,151 คน เข้าร่วม ทั้งนี้ มีการนำเสนอผลงานนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู และนวัตกรรมนักเรียนมากกว่า 700 รายการ

ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการ กพฐ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีโรงเรียน 25,009 โรง มี ครู ผู้บริหาร และบุคลากร รวมกว่า 500,000 คน เพราะฉะนั้นนโยบายและจุดเน้นที่สำคัญประการหนึ่ง คือ ต้องมีการพัฒนาผู้บริหาร ครูบาอาจารย์ เพื่อให้มีความรู้ประสบการณ์ที่จะไปพัฒนาผู้เรียนที่มีอยู่ประมาณ 6 ล้านคน ดังนั้นอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์กับเด็กนักเรียนสามารถพัฒนาครูและให้กำลังใจครูอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมพัฒนาการเรียนการสอนการใช้กระบวนการคิด กระบวนการเรียนรู้ที่ให้เด็กมีส่วนร่วม มีความสุขในการเรียน ก็เป็นหน้าที่ของผู้บริหารและครูที่จะต้องตระหนัก รวมถึงศึกษานิเทศก็เป็นกำลังสำคัญ  เพราะฉะนั้นเราต้องเน้นการพัฒนาคนในทุกรูปแบบ เพื่อให้คิดเรียนรู้พัฒนาสิ่งใหม่ ๆ โดย Active Learning ก็เป็นกระบวนการที่พัฒนาครูให้เข้าใจการเรียนการสอน การจัดทำสื่อ การให้เด็กมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนและตอบโจทย์ รมว.ศึกษาธิการ ที่กล่าวไว้ว่าการเรียนการสอนต้องมีความหลากหลายกับผู้เรียนแต่ละกลุ่ม และมีการวัดประเมินผลที่หลากหลายสอดคล้องกับศักยภาพของนักเรียนแต่ละกลุ่มด้วย ซึ่งเป็นไปตามหลักของพหุปัญญา

ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ความร่วมมือวันนี้ให้ถือเป็นสิ่งที่ดียิ่งของฝ่ายผลิตและพัฒนาครูที่ได้มาทำงานร่วมกัน เพื่อให้ไปถึงเด็กเพราะฉะนั้นการพัฒนา Active Learning จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นต้องมีการขยายผลด้วยรูปแบบที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ โดยเรามีการจัดกิจกรรมเป็นรายภูมิภาค ทำให้เห็นว่ามีกิจกรรมของนักเรียน นวัตกรรมของเด็กที่เกิดจากการอบรมและพัฒนาครู ศึกษานิเทศก์และผู้บริหาร ทำให้นักเรียนได้ร่วมคิด ผลิตงาน มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา และทำให้เห็นว่าเด็กไทยทุกระดับมีศักยภาพในตัวเอง เพียงแต่ครูอาจารย์จะดึงศักยภาพเด็กออกมาเป็นนวัตกรรมได้แค่ไหน ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ท้าทายการจัดการเรียนการสอนในยุคปัจจุบัน และวันนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าครูอาจารย์ที่มีหัวใจจิตวิญญาณความเป็นครูและผู้บริหารได้มานำเสนอผลงานของลูกหลาน และเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าถ้าครูเก่ง ศึกษานิเทศก์เก่ง ผู้บริหารให้ความสำคัญผลก็จะเกิดกับเด็ก ทำให้เด็กเป็นคนเก่ง คนดี และ มีความสุข

“Active Learning คือ หัวใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งถ้าทำได้แล้วก็จะอยู่ในหัวใจของเด็ก ของครู เด็ก ๆ จะเจริญก้าวหน้า ไม่ว่าจะเรียนในสาขาใดก็จะสามารถใช้กระบวนการคิดในการสร้างนวัตกรรมได้ รวมถึงครูอาจารย์เองก็จะมีความสุข ทำให้เด็กมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ไปพร้อมกับครู ซึ่งแน่นอนว่านโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ว่าถ้าครูมีผลงาน มีความรู้ ความสามารถก็จะประเมินวิทยฐานะตามศักยภาพของครู ก็จะเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานให้กับครู ทำให้ครูทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนการสอนมากขึ้น และจะมีรายได้จากผลการทำงานวิชาการด้วย ซึ่งเป็นผลที่เชื่อมโยงกันมาเมื่อเด็กได้ดี ครูก็ได้ดี สังคมไทยก็จะได้ดี เพราะทุกวันนี้เขาแข่งกันด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ดังนั้นขอให้ครูอาจารย์ผู้บริหารภาคภูมิใจกับความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง เป็นคนที่จุดประกายการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ต่อไป”เลขาธิการ กพฐ.กล่าว

ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ เป็นการเติมเต็มบทบาทภารกิจของมหาวิทยาลัยที่จะยกระดับคุณภาพการศึกษาผ่านคุณภาพบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้ความเข้าใจและทักษะความสามารถในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps แล้วนำไปสู่การเรียนรู้ของนักเรียน และจากความร่วมมือครั้งนี้เท่าที่คุยกับ ดร.ศักดิ์สิน โรจนสราญรมย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาและประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว) ซึ่งเป็นผู้จุดประกายกระบวนการเรียนรู้นี้ คิดว่า ปี 2569 จะต้องขยายผลต่อแน่นอน และกระบวนการนี้ไม่ใช่เป็นกระบวนการที่จะใช้กับโรงเรียนของ สพฐ.เท่านั้น แต่ระดับอุดมศึกษาก็สามารถใช้กระบวนการนี้ในการบ่มเพาะและพัฒนาทักษะ ความสามารถ ของผู้เรียนได้ โดยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ในเรื่องของการค้นหาองค์ความรู้และการวิจัยต่าง ๆ เพื่อนำไปต่อยอดในเรื่องของนวัตกรรม ซึ่งกระบวนการนี้มีความสำคัญมากในการผลิตบัณฑิตที่จะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป

ดร.เอกราช ดีนาง รองอธิการบดี ม.ราชภัฏอุดรธานี กล่าวว่า การทำงานร่วมกันกับ สพฐ.เป็นมิติที่เป็นภารกิจของมหาวิทยาลัยราชภัฎที่ได้นำการเรียนรู้ แบบActive Learning เข้าไปช่วยพัฒนาครู เพื่อให้เป็นการเรียนการสอนที่เป็นปกติวิสัย โดยนำเรื่องของ  GPAS 5 Steps เข้ามาเปลี่ยนครูจากการเป็นผู้บรรยายมาเป็นคุณอำนวย  ซึ่งกลุ่มแรกที่เข้ามาร่วมคือ ศึกษานิเทศก์ ที่จะไปทำงานกับครูเพื่อให้ครูไปทำงานกับเด็ก จะเห็นว่า GPAS 5 Steps ที่ครูถอดออกมาสร้างเป็นสื่อการเรียน ทำให้เด็กว้าว ครูก็ว้าว การเรียนการสอนของครูจึงไม่ใช่ให้เด็กจดจำแต่สอนให้เด็กเกิดกระบวนการคิด ตอนนี้ครูไม่ใช่สอนหนังสือ แต่เป็นคุณอำนวยไปแล้ว ถือว่าครูได้พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ตอนนี้ครูส่วนใหญ่ก็เริ่มเข้าใจแล้วมีการปรับตัวนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวอยากให้โครงการนี้กระจายออกไปอีก เพื่อให้กระเพื่อมไปทั่วประเทศ เพราะคือการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษา เปลี่ยนระบบคิดของครู  ถึงแม้ครูทำงานหนักนอกห้องเรียนแต่พอมาถึงห้องเรียนคนที่แอคทีฟคือเด็ก โดยครูจะทำหน้าที่กำกับให้ถูกต้อง ถ้าวันหนึ่งไม่มีครูแต่เด็กได้กระบวนการที่ถูกต้องก็จะเป็นเกราะป้องกันทั้งเรื่องความรู้และคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งเด็กจะไปได้อีกไกล

ดร.ศักดิ์สิน โรจนสราญรมย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาและประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว)  กล่าวว่า เท่าที่ได้คุยกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี ทราบว่า ต้องการปรับแนวทางการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยโดยใช้กระบวนการนี้  เพราะเป็นการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่เรียนแค่ระดับประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษาเท่านั้น แต่ระดับมหาวิทยาลัยก็เรียนได้ แม้แต่ต่างประเทศก็สามารถเรียนได้เช่นกัน  ทั้งนี้ ถ้าประเทศไทยจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ทั้งประเทศจะทำให้เรามีนวัตกรรมเป็นล้านนวัตกรรม เพราะประเทศไทยมีเด็ก 10 ล้านคน ถ้าสร้างนวัตกรรมได้ล้านนวัตกรรม ลองคิดดูว่าเศรษฐกิจไทยจะไปได้ไกลขนาดไหน ซึ่งที่ผ่านมามีชาวต่างชาติให้ความสนใจเรื่องนี้และอยากมาดูงาน ตนมองว่าสิ่งนี้น่าจะผลักดันให้เป็นจุดขายของประเทศไทยได้

“ขณะนี้นโยบายของ สพฐ.และ นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็ไปในทิศทางเดียวกันที่จะพัฒนาครูและกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งเป็นจุดสำคัญมาก เพราะถ้าชูธงเรื่องการพัฒนาครูจะมีความหมายมากกว่าพัฒนาหลักสูตร เพราะการพัฒนาหลักสูตรเป็นแค่การพัฒนาหนังสือเรียน เนื้อหาไม่เกี่ยว จริง ๆ แล้วเนื้อหาทั้ง 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้เป็นเรื่องที่เด็กต้องรู้ เพราะเป็นบริบทของประเทศบริบทของชีวิตคนไทย แต่จะให้เข้าใจรู้ความหมายเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ได้ต้องใช้ Active Learning  ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ไปศึกษาให้เข้าใจรู้ความหมายของทั้งบริบท เมื่อเข้าใจแล้วก็เอากระบวนการ GPAS 5 Steps ไปเรียนรู้ต่อ และไปสร้างนวัตกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม ต่ออาชีพของตนเอง ของพ่อแม่ เป็นการต่อยอดไปเรื่อย ๆ ไม่จบสิ้น”ดร.ศักดิ์สินกล่าวและว่า จากการเสนอผลงานวันนี้ ตนรู้สึกภาคภูมิใจที่ทำให้เด็กภาคอีสานตอนล่างมีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างเยอะมาก เช่นการที่เด็กสามารถพัฒนารูปทรงเลขาคณิตให้เป็นรูปแบบของอาหารทำให้อาหารน่ารับประทาน ซึ่งเป็นการบูรณาการได้ทั้งหมดจริง ๆ และจากการสอบถามครูผู้สอนก็บอกว่าเป็นแนวทางจัดการเรียนการสอนที่ง่ายและดีมาก ซึ่งคาดไม่ถึง เพราะฉะนั้นโดยเป้าหมายของตนคืออยากเห็นเด็กทางภาคอีสานนำวัตถุดิบในพื้นที่มาสร้างเป็นนวัตกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ข้าวของ เครื่องใช้ และถ้าทุกภูมิภาคของประเทศไทยทำได้แบบนี้ เชื่อว่าประเทศไทยจะมีนวัตกรรมเยอะมาก ๆ

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments