เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ดร.อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลเฉพาะต่อความมั่นคงระดับประเทศเท่านั้น หากแต่เริ่มขยายวงเข้ามากระทบโดยตรงต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน จังหวัดสระแก้ว สุรินทร์  ที่มีโรงเรียนหลายแห่งต้องสั่งปิดฉุกเฉิน ครู นักเรียน และครอบครัวอพยพหนีภัยอย่างไม่ทันตั้งตัว ขณะที่บางชุมชนไม่มีแม้แต่โอกาสในการเตรียมความพร้อมรับมือ ซึ่งความสูญเสียในสถานการณ์นี้ไม่ได้จำกัดเพียงอาคารเรียนที่อาจได้รับความเสียหาย หรือวันที่ขาดเรียนเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงความรู้้สึก “ไม่ปลอดภัย” ที่่ฝังลึกในใจของเด็ก ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการเรียนรู้้และการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ในระยะยาว โรงเรียนซึ่งควรเป็นเขตปลอดภัย (Safe Zone) สำหรับทุกคน กลับกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่ไม่มีหลักประกันใดว่าจะปลอดภัยจริง

“แม้ไทยจะเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และได้ร่วมลงนามในหลักการ “Safe Schools Declaration” ที่่ประกาศร่วมกันโดยนานาประเทศเพื่อคุ้มครองสถานศึกษาจากภัยสงคราม แต่ในทางปฏิบัติ ระบบการเตือนภัย การจัดการความต่อเนื่องทางการศึกษา (Education in Emergency : EiE ) และการเยียวยาทางจิตใจให้กับเด็กและครูยังแทบไม่มีอยู่จริง  การปะทะตามแนวชายแดนครั้งนี้้จึงไม่ใช่เพียงประเด็นด้านความมั่นคง แต่คือการทดสอบ “ขีดความสามารถของระบบการศึกษาไทย” ว่าจะยืดหยุ่น ทันสถานการณ์ และเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์มากเพียงใด เมื่อมีเด็กต้องสูญเสียทั้งโอกาสในการเรียนรู้ และความรู้สึกมั่นคงในวัยเยาว์ไปพร้อมกัน “ดร.อรรถพล กล่าวและว่า น่าจะใช้โอกาสนี้ ทำแผนการศึกษาในภาวะฉุกเฉินตามกรอบของ EiE รวมทั้งกำหนด “ผู้รับผิดชอบ” ต่อการเรียนรู้้และความปลอดภัยของเด็กเหล่านี้้ในเวลาที่พวกเขาต้องการมากที่สุดให้ชัดเจน ไม่ใช่แค่เฉพาะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แต่แผนนี้ควรต้องรวมถึงแนวชายแดนทั่วประเทศ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการจัดการศึกษาฉุกเฉินในภาวะวิกฤตอื่น อาทิ อุทกภัย และแผ่นดินไหว เป็นต้น

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments