เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ดร.บุญรักษ์  ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการปฏิบัติและข้อสั่งการที่หน่วยงานในสังกัดต้องดำเนินการเกี่ยวกับการายงานจำนวนนักเรียนเพื่อแก้ไขปัญหานักเรียนไม่มีตัวต้นจริงในห้องเรียน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รองผู้อำนวยการสพท. ผู้อำนวยการโรงเรียน รองผู้อำนวยการโรงเรียน ครูผู้รับผิดชอบ งานทะเบียนนักเรียน และบุคลากรผู้รับผิดชอบทั่วประเทศ เข้าร่วม ว่า จากนี้จะต้องมีการจำหน่ายนักเรียนให้ตรงกับความเป็นจริงหรือหากจำหน่ายไม่ได้ก็จะต้องมีข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง  ฉะนั้นคำว่า เด็กไม่มีตัวตนจะยึดช่องว่างระหว่าง ข้อมูลวันที่ 10 พฤศจิกายน 2561 โดยโรงเรียนจะต้องดำเนินการจำหน่ายนักเรียนตามแนวทางที่กำหนดภายในวันที่ 15-30 พฤศจิกายน 2561  ขณะเดียวกันให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจนับจำนวนนักเรียนระดับโรงเรียน โดยมีตัวแทนผู้ปกครอง ผู้แทนกรรมการสถานศึกษา ผู้แทนสพท.โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นประธาน เพื่อให้มีคนรับผิดชอบหลัก เพื่อสแกนจำนวนนักเรียนใหม่ 100% และในวันที่  3 ธันวาคม 2561 ซึ่งทุกโรงเรียนจะต้องเคลียร์ข้อมูลให้ได้ และรายงานจำนวนนักเรียนให้ตรงกับระบบข้อมูลรายบุคคลหรือDMC ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ในวันที่ 10 ธันวาคม 2561 โดยจำแนกนักเรียนที่มีความจำเป็นจะขอรับงบประมาณ และจำนวนนักเรียนที่ยังไม่ประสงค์ขอรับงบฯ เนื่องจากไม่มีตัวตนและยังไม่สามารถจำหน่ายออกจากทะเบียนได้

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า  จากการลงพื้นที่หาข้อมูล  พบว่า เด็กที่ไม่มีตัวตนในห้องเรียน  มี 2 ประเภท คือ มีชื่อในทะเบียนแต่ไม่มีตัวตน  แบ่งเป็น   1. มีชื่อแต่ไม่มาเรียน  2.ขาดเรียนอย่างต่อเนื่องหรือมาเรียนแล้วหายไป  3.สมรส ซึ่งมีกฎหมายคุ้มครองให้ได้สิทธิในการเรียน ซึ่งต้องหาข้อมูลว่า สมรสแล้วไม่มาเรียน หรือขอพักการเรียนชั่วคราว  เช่น  ลาคลอด 4. เจ็บป่วยเรื้อรับต้องรักษาเป็นเวลานาน  5.ตาย  6.อพยย้ายถิ่นขาดการติดต่อ 7.เรียนที่อื่นแต่ไม่แจ้งย้าย 8.นักเรียนชั้นม.3 ไม่จบหลักสูตร ไม่แก้ผลการเรียนหรือแขวนลอย  9.นักเรียนม.6 นักเรียนชั้นม.3 ไม่จบหลักสูตร ไม่แก้ผลการเรียน (แขวนลอย) 10.ขาดเรียนนานแต่สงวนสิทธิไม้รับวุฒิการศึกษา 11.รับย้ายจากโรงเรียนอื่นโดยทะเบียนแต่ไม่มีตัวตนเข้าเรียน  กรณีนี้กำลังจะถูกสอบวินัยร้ายแรงสถานหนัก  ถ้าพบว่า เป็นการเจตนาของโรงเรียนรับย้าย โอนย้ายเพื่อเอาจำนวนนักเรียน แต่ตัวนักเรียนไม่มาจริง เป็นการสร้างหลักฐานเท็จ แต่ถ้ารับย้ายแล้ว วันแรก ๆมาอยู่หายไปก็ต้องพิจารณาเหตุผลว่า เจตนาหรือไม่ 12.แจ้งย้ายแล้วแต่โรงเรียนปลายทางไม่ตอบรับ เป็นประเด็นทางข้อกฎหมาย หากนักเรียนออกจากโรงเรียนเดิมไป จะต้องไปแจ้งย้ายกับโรงเรียนปลายทาง ขณะที่โรงเรียนปลายทางต้องตอบรับว่า ได้รับเด็กแล้ว  13.กรณีเด็กพิการเรียนร่วมมาเรียนบ้างไม่มาเรียนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่มาเรียน  ประเภท ที่ 2  คือ ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น เช่น  นักเรียนอนุบาลซ้ำซ้อนกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หรือมีชื่อในทะเบียนสังกัดสพฐ.แต่ไปลงทะเบียนเรียนกับสังกัดอื่น

“ผมเข้าใจโรงเรียน เพราะระเบียบที่ใช้คือ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยทะเบียนนักเรียนพ.ศ. 2535 ซึ่งค่อนข้างนาน ระบบทะเบียนนักเรียนไม่เป็นปัจจุบัน  ซึ่งหากจำนวนนักเรียนไม่ตรงกับข้อมูลวันที่ 10 พฤศจิกายน   มีสาเหตุมาจากระเบียบให้เร่งดำเนินการแก้ไข แต่ถ้าไม่ได้ติดขัดจากระเบียบ มีเจตนาทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนโดยหวังผลประโยชน์เรื่องขนาดโรงเรียน  ผลในการย้าย และผูกพันไปถึงงบประมาณที่ต้องจ่ายให้เด็กที่ไม่มีตัวตน เจตนานี้เรารับไม่ได้ โดยรมว.ศึกษาธิการ มีนโยบายแล้ว ว่าให้ดำเนินการ เพราะการเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่เป็นข้าราชการ  ส่งข้อมูลเท็จ ก็จะต้องถูกสอบสวนทางวินัย ซึ่งผมเองได้ย้ำกับรมว. ศึกษาธิการแล้ว ว่าจะจ่ายงบฯให้เฉพาะนักเรียนที่มีตัวตนเท่านั้น  ตอนนี้เข้าใจว่าต้องเหนื่อยกันทั้งประเทศ เพราะตั้งสพฐ.มา 15 ปี ไม่เคยสะสางปัญหาเดิม และก็ไม่เคยสะสางจำนวนนักเรียนแบบนี้ แม้อาจมีไม่มาก แต่ก็ทำให้สังคมไม่สบายใจ เพราะไปผูกพันกับสิทธิการย้ายผู้บริหาร และงบประมาณแผ่นดิน อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับทะเบียนนักเรียนมาพิจารณาระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องอะไรที่เป็นปัญหาก็ต้องแก้ไข ”เลขาธิการกพฐ.กล่าว

ด้านนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนอยากให้มองภาพใหญ่ของศธ.ไม่ใช่วัน ๆ จะมาตามเช็คเด็กไม่มีตัวตน เพราะไม่ได้มากอย่างที่คิด เหมือนโครงการอาหารกลางวัน เกิดเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น ซึ่งจำนวนน้อยมากถ้าเปรียบเทียบกับภาพรวม เพราะการปฏิรูปการศึกษาจะต้องปฏิรูปด้วยความรัก ไม่ใช่การปฏิรูปด้วยการตั้งสมมุติฐานว่าพื้นที่เขาทำงานแย่ ดี ไม่ดี เหมือนกับเรามีลูก ถ้าเราเอาลูกเรามาประจาน แย่ไม่ดี เขาก็จะหนีไปหมด แต่ตนเป็นคนเสียงดังถ้าได้ยินว่ามีใครทุจริต แต่สุดท้ายก็ต้องลงไปช่วย ดังนั้นเรื่องนี้อย่าเหมารวมว่าศธ.มีแต่เด็กผี

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments