เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเสวนาวิชาการ เรื่อง รู้ทันภัยวัยเด็ก งดสื่อหน้าจอก่อน 2 ขวบ โดยมี นายธฤติ ประสานสอน รองเลขาธิการสภาการศึกษา และผู้แทนจากหน่วยงานรัฐและเอกชนที่ดูแลรับผิดชอบเด็กปฐมวัย และพ่อแม่ผู้ปกครอง เข้าร่วมประชุม โรงแรมไมด้า งามวงศ์วาน .นนทบุรี

รศ.ดร.ประวิต กล่าวว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบาย “3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่มเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤตเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันโลกได้เข้าสู่สังคมแห่งเทคโนโลยี ทำให้เด็กยุคใหม่มีโอกาสในการใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเพิ่มมากขึ้น จากการวิจัยของวอลดอฟเชื่อว่าเด็กมีพัฒนาการตามช่วงวัยเป็นขั้นบันได โดยสิ่งกระตุ้นจากพ่อแม่และสภาพแวดล้อมมีผลต่อการตอบสนองของเด็ก รวมถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านกิจกรรมจะช่วยกระตุ้นจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจึงเห็นควรผลักดันมาตรการ “3 ลดมาตรการที่ 4 ลดใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยอย่างจริงจัง งดใช้ก่อนวัย 2 ขวบ เป็นมาตรการเร่งด่วนที่ควรประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครอบครัว ครู/ผู้ดูแลเด็ก และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยได้เห็นประเด็นปัญหานี้ และร่วมกันประชาสัมพันธ์เผยแพร่เป็นมาตรการเร่งด่วนและดำเนินการนำสู่การปฏิบัติ โดยเชื่อมั่นว่าการสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ที่ดี จะทำให้เด็กไทยเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศในอนาคต

ด้าน .ดร.ปังปอนด์ รักอำนวยกิจ กล่าวในการ Stand talk เรื่องการลงทุนในเด็กปฐมวัยช่วยสร้างสังคมคุณภาพได้  ว่า การลงทุนในเด็กปฐมวัยถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด จากการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์การศึกษาชี้ชัดว่า ทุก 1 บาทที่ลงทุนไปจะคืนกลับมามากกว่าหลายเท่าในอนาคต กอปรกับไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ สังคมที่มีคุณภาพจึงต้องเริ่มจากการดูแลเด็กเล็กให้สมวัยเพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่สมบูรณ์ ดังนั้น การงดใช้จอก่อน 2 ขวบถือเป็นก้าวสำคัญที่จะส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้และคุณภาพแรงงานในอนาคต

ส่วน .นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ กล่าวเรื่องภัยร้ายจากสื่อหน้าจออันตรายกว่าคิดว่า อนาคตที่ดีของเด็กควรเริ่มตั้งแต่ปฐมวัย โดยเฉพาะพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี จะเป็นรากฐานของความเจริญก้าวหน้าและความยั่งยืนทางสังคม ผู้เลี้ยงดู คือ ผู้สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ในสมองเด็ก ซึ่งต้องใช้การเลี้ยงดูจากผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคง ดูแลเอาใจใส่ และมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน รวมถึงปัญหาการใช้สื่อหน้าจอกับสมองด้านภาษาและการอ่าน พบว่า เด็กที่ใช้สื่อหน้าจอมากจะมีความสัมพันธ์กับการลดลงของ white matter tracts ในสมองซึ่งสอดคล้องกับการประเมินทางสติปัญญา ตลอดจนปัญหาของเด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ปี ที่ได้รับสื่อมากกว่า 1 อย่างพร้อมกันสัมพันธ์กับปัญหา EF เพิ่มขึ้น และปัญหาสื่อที่กระทบต่อพฤติกรรมทั้งด้านการนอน อารมณ์ ความก้าวร้าวทั้งนี้ หากจะให้ลูกใช้สื่อหน้าจอควรเลือกโปรแกรมที่มีคุณภาพเหมาะสมตามวัย สิ่งสำคัญคือ เน้นส่งเสริมให้เด็กนอนหลับ ออกกำลังกายเล่นตามวัย อ่านหนังสือ และมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเด็กอย่างเพียงพอ

นอกจากนี้มีการเสวนาวิชาการรู้ทันภัยวัยเด็ก งดสื่อหน้าจอก่อน 2 ขวบโดย นางธิดา พิทักษ์สินสุข นายธาม เชื้อสถาปนศิริ นายสุรเสกข์ยุทธิวัฒน์ นายอนิก พลทัตพชระ และ ภญ.ณัฐกานต์ ประสพสายพรกุลสรุปว่า ช่วงปฐมวัย 0 – 6 ปี เป็นวัยรากฐานของชีวิตมนุษย์ ซึ่งเป็นวัยที่ไวต่อปัจจัยที่มากระทบและเป็นหน้าต่างแห่งโอกาส การเลี้ยงดูมีผลอย่างยิ่งต่อเด็กจอไม่ใช่พี่เลี้ยง แต่เป็นภัยเงียบที่ทำลายพัฒนาการและธรรมชาติของการเรียนรู้ของเด็กเล็ก จึงต้องหันมาสร้างเวลาคุณภาพส่งเสริมพัฒนาการ 4 ด้าน ได้แก่ กิน นอน กอด และเล่น เน้นสร้างโอกาสให้เด็กได้พัฒนา SELF & EF คิดและทำด้วยกัน ตลอดจนเน้นการใช้สื่อเย็น เช่น ของเล่น สนามเด็กเล่น สิ่งพิมพ์ เครื่องกีฬา เป็นต้นและที่ประชุมร่วมสรุปแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการลดการใช้สื่อหน้าจอในเด็กปฐมวัยอย่างจริงจัง : งดใช้ก่อนวัย 2 ขวบ ไปสู่การปฏิบัติจริงโดย นางสรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ได้เน้นถึง การแก้ปัญหาการใช้จอเกินวัยในเด็กปฐมวัยต้องการมาตรการที่เข้มข้นและจริงจัง ไม่ใช่แค่การให้ข้อมูลหรือคำเตือน แต่ต้องเป็นนโยบายที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในระดับครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยการลดการใช้สื่อหน้าจออย่างจริงจัง งดใช้ก่อนวัย 2 ขวบจะต้องทำให้เป็นบรรทัดฐาน ทั้งนี้การขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย ‘3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่มจะช่วยให้มีกรอบปฏิบัติที่ชัดเจนและเชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งครอบครัว โรงเรียนหน่วยงานรัฐ และสื่อมวลชนร่วมกัน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและคุณภาพสำหรับเด็กไทยทุกคน

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments