เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 โรงเรียนเจี้ยไช้ เอกชนการกุศลสงเคราะห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งจัดการเรียนการสอนระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ได้จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างโรงเรียนเจี้ยไช้กับสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) โดย นายมาโนชญ์ อรรฆภัทรโฆษิต ผู้อำนวยการโรงเรียนเจี้ยไช้ กับ ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานกรรมการบริหารสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ร่วมลงนาม โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการเรียนรู้แบบ Active Learning ให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ด้านการศึกษา ที่ได้กำหนดกิจกรรมปฏิรูปที่ 2 การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะเพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนในปัจจุบันไปสู่การเรียนรู้ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ภายใต้หลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standard-based Curriculum) ด้วยการส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาชีพของครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเจี้ยไช้ เพื่อยกระดับคุณภาพนักเรียนให้มีความฉลาด สามารถสร้างความรู้ได้เอง นำไปสู่นวัตกรรม จนผู้เรียนสามารถพัฒนาเป็นนวัตกรได้ ตามที่ยุทธศาสตร์ชาติกำหนด
นายมาโนชญ์ กล่าวว่า หลังจากที่โรงเรียนได้ทำ MOU กับ พว.แล้ว ตนมีความคาดหวังว่าลูก ๆ โรงเรียนเจี้ยใช้ จะได้รับการเรียนการสอนตามกระบวนการ GPAS 5 Steps และจะได้สิ่งใหม่ ๆ ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น อีกทั้งจะเป็นเครื่องมือให้ครูของโรงเรียนเจี้ยใช้ได้นำไปสอน รูปแบบการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็นสิ่งที่ดีที่เราจะนำการเรียนรูปแบบใหม่ ๆ มาปรับใช้กับโรงเรียนเจี้ยใช้ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลสงเคราะห์ เด็กส่วนใหญ่มาจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด มีโอกาสเรียนกวดวิชาน้อย แต่เราก็ไม่ได้ย่อท้อ พยายามหาสิ่งดี ๆ มาให้ลูก ๆ ของเราได้เรียนรู้เหมือนโรงเรียนทั่วไป โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบ Active Learning ซึ่งครูประมาณ 100 คนจะเริ่มเข้ารับการอบรมในวันที่ 3ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นทางโรงเรียนจะเริ่มดำเนินการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่2/2568 นี้เลย เพื่อให้เด็กเข้าใจกระบวนการเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมด้วยตัวเอง
“จริง ๆ แล้ว ผมมีโอกาสอยู่ในบรรยากาศการทำ MOU ระหว่างโรงเรียนดรุณาราชบุรี กับ พว. และมีโอกาสได้รู้จักกับ ดร.ศักดิ์สิน ซึ่งท่านจะส่งวิทยากรเข้ามาอบรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Stepsเพื่อที่จะเติมเต็มให้กับลูก ๆ ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญว่าเด็กทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม”นายมาโนชญ์ กล่าว
ดร.ศักดิ์สิน กล่าวว่า โรงเรียนเจียใช้ถือเป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลสงเคราะห์แห่งแรก ที่ร่วม MOU กับ พว. ทั้งนี้ในแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษาได้กำหนดไว้เลยว่า เด็กจะต้องมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ขั้นสูงเชิงระบบ ไม่ใช่แค่อ่านออกเขียนได้ ทุกคนจะต้องได้รับการพัฒนาพหุปัญญาอย่างสมดุลย์ และเด็กในระดับประถมศึกษาจะต้องสามารถมีการคิดวิเคราะห์สูงกว่าเด็กอนุบาล ต้องสามารถพัฒนางาน โครงงานนวัตกรรมได้เลย ซึ่งนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 6 จะต้องสามารถสร้างนวัตกรรมได้ และนวัตกรรมนี้จะต้องไปสนับสนุนครอบครัวของตัวเองในการประกอบอาชีพใด ๆ ก็ตาม เด็กจะสามารถนำนวัตกรรมที่ทำขึ้นไปต่อยอดอาชีพให้กับครอบครัวได้ ซึ่งแผนการศึกษาชาติได้กำหนดไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า อยากให้เด็กตั้งแต่เยาว์วัยสามารถเรียนรู้และรับผิดชอบต่อครอบครัวพัฒนาอาชีพของพ่อแม่โดยนำนวัตกรรมจากโรงเรียนไปช่วย
ดร.ศักดิ์สิน กล่าวอีกว่า ในห้องเรียนเป็นเวทีของนักเรียนไม่ใช่เป็นเวทีของครู ซึ่งเด็กจะต้องได้รับการเรียนรู้ได้มากที่สุด ถ้าครูเข้าใจการเรียนรู้แบบ Active Learning ผ่านกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps ก็จะนำพานักเรียนไปสู่จุดเป้าหมาย เด็กสามารถคิดเป็นขั้น เป็นตอน คิดเป็นกระบวนการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง ซึ่งในศตวรรษที่ 21 เน้นการคิดเป็นหลัก คิดวิเคราะห์ขั้นสูงเชิงระบบ แต่คนไทยยังพูดแค่คิดวิเคราะห์ แต่ยังไม่เป็นระบบ ซึ่งระบบจริง ๆ ต้องมีกระบวนการเข้ามาช่วย ซึ่งตรงนี้ที่ประเทศไทยยังเข้าไม่ถึง ส่วนมากจะสอนเนื้อหาแต่ยังไม่มีกระบวนการซึ่งในการอบรมของ พว.เราจะเริ่มให้เด็กได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนกระบวนการคิด ตั้งแต่ระดับอนุบาล เพราะเด็กวัยนี้จะเรียนรู้ได้เร็วมาก เส้นใยประสาทจะพัฒนาได้สูงกว่าทุกวัยของมนุษย์จะเก็บเกี่ยวเชื่อมโยงในสิ่งที่เขาเรียนรู้ ในระบบ ซึ่งจะพัฒนาได้เร็ว ดีกว่าที่จะมาเริ่มพัฒนาตอนที่เด็กโตแล้ว
“ตอนนี้กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้เรียนรู้แบบ Active Learning เป็นหลักการจาก GPAS 5 Steps จากการท่องจำมาเป็น Active Learning โดยการปฎิบัติแต่จะปฏิบัติอย่างไรที่จะทำให้เด็กเหล่านั้นสร้างความรู้ได้เอง ตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ หรือ กฎหมายกำหนดไว้ ดังนั้นความรู้ที่เด็กคิดเอง จะไปประเมินเชื่อมโยงกับความดี ความงาม คุณธรรม จริยธรรม ซึ่งความรู้ตรงนี้จะไปวางแผนแล้วลงมือปฏิบัติจริง จนเกิดผลและสามารถประเมินตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อปรับปรุงคุณภาพปรับสิ่งที่ขาดหายไปให้เกิดผลผลิตขึ้น จนเกิดเป็นนวัตกรรมขึ้นมา ดังนั้นตัวกระบวนการ GPAS 5 Steps ต่างหากคือความสำเร็จและสามารถใช้ได้ทุกเนื้อหาสาระ เพราะหากกระบวนการติดตัวเด็กไปแล้วเด็กก็จะได้เรียนหนังสือเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นกลายเป็นความรู้ขั้นสูง ซึ่ง พว.ได้ทำการวิจัยมาแล้ว”ดร.ศักดิ์สินกล่าว