จากกรณี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 ซึ่งถือเป็นช่วงจังหวะสำคัญของประเทศในการกำหนดทิศทางการพัฒนาทุนมนุษย์ในระยะยาว โดยมีการคาดหมายว่าการจัดทำแผนฉบับนี้จะเชื่อมโยงเป้าหมายเศรษฐกิจ โครงสร้างประชากรโลกใหม่ การแข่งขันด้านดิจิทัล และความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ เข้ากับการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของคนไทยในทุกช่วงวัย แผน 14 จึงไม่ได้เป็นเพียงแผนเศรษฐกิจและสังคม แต่เป็นกรอบเชิงยุทธศาสตร์ที่กำหนด “เป้าหมายความสามารถของคนไทยในอนาคต” ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการต้องเข้าไปมีบทบาทโดยตรงในการเข้าไปกำหนดผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ ตั้งแต่ระยะออกแบบแผน ไม่ใช่เฉพาะช่วงนำไปสู่การปฏิบัติ

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568  ดร.อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความเห็นว่า ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่ระบบการศึกษาต้องยกระดับบทบาทจาก “ผู้รับแผน” ไปสู่ “ผู้ออกแบบเป้าหมายของชาติ” โดยต้องเข้าไปวางกรอบสมรรถนะและผลลัพธ์ทางการเรียนรู้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปกำหนดรายละเอียดเป็นโครงการ งบประมาณ หรือมาตรการต่าง ๆ ในระดับปฏิบัติการ แผน 14 จะต้องไม่ใช่แผนของสภาพัฒน์แต่เพียงหน่วยงานเดียว แต่คือสนามยุทธศาสตร์ของการศึกษาไทย หากกระทรวงศึกษาธิการไม่เข้าไปกำหนดผลลัพธ์ตั้งแต่ต้นน้ำ เราจะกลายเป็นเพียงหน่วยปฏิบัติการ ไม่ใช่กลไกขับเคลื่อน”ดังนั้น หากเรากำหนด “ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ของชาติ” (National Learning Outcomes) ให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นทาง ไม่เพียงช่วยให้แผน 14 มีทิศทางเชิงเป้าหมาย แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่กระบวนการเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งให้น้ำหนักสูงต่อฐานข้อมูลเชิงหลักฐานและการเชื่อมโยงระหว่างคุณภาพทุนมนุษย์กับโครงสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจ OECD จะไม่มองแค่การปฏิรูปโครงการ แต่จะดูว่าประเทศมีระบบวางผลลัพธ์เป็นตัวตั้งหรือไม่ การกำหนดผลลัพธ์ระดับชาติคือบทพิสูจน์ว่าประเทศพร้อมขยับสู่มาตรฐาน OECD อย่างแท้จริง”

“ผมขอเสนอว่า เพื่อให้การศึกษาไทยสามารถยืนอยู่ในฐานะ “สถาปนิกทุนมนุษย์ของชาติ” ภายใต้แผน 14 และพร้อมสำหรับการเข้าสู่ OECD ในเชิงโครงสร้าง ต้องมีการเดินหน้าเชิงนโยบายที่สำคัญอย่างน้อย 3 ประการ ดังนี้ 1.กำหนดตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ของชาติ (National Learning Outcomes) ให้เชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล ต้องประกาศให้ชัดว่าคนไทยในยุคแผน 14 ควรมีสมรรถนะระดับใด และทักษะแบบไหนที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจและสังคมอนาคต โครงสร้างตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ของชาติต้องสามารถเทียบได้กับกรอบ Learning Compass ของ OECD เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าทิศทางการพัฒนาการศึกษาของไทยเคลื่อนไปในมาตรฐานเดียวกับประเทศสมาชิก 2.ยกระดับระบบประเมินเพื่อการเรียนรู้ (assessment for learning) เพื่อสร้างฐานข้อมูลคุณภาพเชื่อถือได้ การประเมินผลต้องไม่หยุดอยู่เพียงผลสอบปลายทาง แต่ต้องมีระบบติดตามพัฒนาการเรียนรู้ระหว่างทาง ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ OECD ใช้ตรวจสอบความพร้อมของประเทศสมาชิกในมิติคุณภาพของระบบ นี่คือหัวใจของการปฏิรูปเชิงระบบ เพราะถ้าไม่มีข้อมูลคุณภาพ การพัฒนาเชิงนโยบายก็จะขาดหลักฐานรองรับ และ 3.ยกระดับบทบาท ศธ. จาก “ผู้รับโจทย์” เป็น “ผู้ออกแบบเป้าหมายทุนมนุษย์ของชาติ” ศธ. ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในชั้นออกแบบผลลัพธ์ ไม่ใช่รอรับตัวชี้วัดที่กำหนดจากภาคเศรษฐกิจหรือแรงงานเท่านั้น เพราะแผน 14 คือกลไก pivot สำคัญที่จะแสดงว่าไทยสามารถจัดวางระบบทุนมนุษย์ได้สอดคล้องกับเกณฑ์ของ OECD และยืนยันทิศทางการเป็น “ประเทศผู้สมัครสมาชิก” ในเชิง readiness ไม่ใช่เชิงประกาศ”ดร.อรรถพล กล่าวและว่า จึงอาจสรุปได้ว่า หากต้องการให้แผน 14 เป็นมากกว่าเอกสารเชิงนโยบาย แกนกลางคือการมี “ตัวชี้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ของชาติ” ที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกับมาตรฐานสากลอย่างเป็นระบบ “เมื่อเรากำหนดเป้าหมายผลลัพธ์ก่อน เราจะออกแบบโครงสร้าง แผน และงบประมาณได้ถูกทิศ ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเดินสู่การเป็นสมาชิก OECD อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่ในเชิงถ้อยแถลง” งานเชิงนโยบายทั้งหมดนี้จึงควรถูกกำหนดไว้ในช่วงต้นของแผน 14 เพื่อเป็นสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ว่าไทยกำลังยกระดับการศึกษาในระดับที่สอดรับกับมาตรฐานการพัฒนาประเทศชั้นนำของโลก

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments