เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2566 ดร.อรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การนำเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา ในกรณีคู่สมรสถึงแก่ความตาย (ช.พ.ส.) จำนวน 100 ล้านบาท มาใช้ในกิจกรรมของกระทรวงศึกษาธิการ โดยแบ่งเงินเป็นสองก้อน คือ ก้อนแรก 50 ล้านบาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(สป.ศธ.) ไปดำเนินโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา และอีก 50 ล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)นำไปพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ว่า ตอนนี้เป็นเพียงการเสนอแผนงานโครงการแก้ปัญหาหนี้สินครูที่นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.เท่านั้น ซึ่งบอร์ดก็เห็นชอบในหลักการ แต่ยังไม่มีเม็ดเงินเข้ามาให้สำนักงานปลัดศธ.ส่วนที่มีการจัดโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา 4 ภูมิภาค 5 จังหวัด นั้น ก็เป็นการทำงานของสป.ศธ.ในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบปัญหาหนี้วิกฤต และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินรวมถึงเปิดโอกาสให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินครูภายใต้เงื่อนไขพิเศษของสถาบันการเงินและสหกรณ์ออมทรัพย์ครู

“การจัดโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูระดับภูมิภาค ซึ่งได้จัดครั้งแรกไปแล้วที่จังหวัดกาฬสินนั้น ใช้งบประมาณของ สป.ศธ.ไม่ได้ใช้เงินสกสค.เนื่องจาก สกสค.ยังไม่ได้อนุมัติเงินลงมาให้ ดังนั้น สป.ศธ.จึงบริหารเงินที่มีอยู่ไปก่อน อย่างไรก็ตามเมื่อสมาชิก สกสค.ไม่สบายใจทาง สป.ศธ.ก็จะพยายามหาเงินส่วนอื่นมาใช้”ดร.อรรถพล กล่าว

ด้าน ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัด ศธ.รักษาการผู้อำนวยการสกสค.กล่าวว่า การดำเนินโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ณ เวลานี้เป็นเพียงข้อเสนอแผนงานที่ สป.ศธ.เสนอขอใช้เงินสกสค.แต่สกสค.ยังไม่ได้ให้เงินมา เพราะกำลังอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดของแผนงาน และจะต้องนำเสนอบอร์ดสกสค.อีกครั้ง ในขณะที่ สป.ศธ.ก็มีแผนงานที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว จึงได้สำรองเงินไปก่อน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ก็อยู่ที่ปลัด ศธ.จะพิจารณาตัดสินใจอย่างไร

“ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษานั้นทุกฝ่ายยืนยันในหลักการว่าทำเพื่อให้ครูมีความสุข โดยมีระเบียบและแผนงานรองรับสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการก็ตกอยู่ที่สมาชิกสกสค.ทั้งสิ้น”ดร.พิเชฐ กล่าว

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments