เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ที่ ห้องประชุมบรรจง ชูสกุลชาติ ชั้น 6 กรมส่งเสริมการเรียนรู้  ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมรับมอบนโยบายการขับเคลื่อนงานของกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)ประจำปี 2568  โดย ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า อยากให้ผู้เรียนที่เรียนกับ สกร.มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่เรียนเพราะความจำเป็น แต่เรียนแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นจริง ๆ โดยได้รับโจทย์มาเรื่องคุณภาพมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ของ สกร. ทำให้อยากลบคำว่า เรียน สกร.บางทียังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เพราะจากที่ได้ลงพื้นที่ได้เห็นการจัดการเรียนการสอนของ สกร.แล้ว คิดว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง  เพราะฉะนั้นอยากทำให้คนที่มาเรียนกับ สกร.อย่างน้อยต้องได้พื้นฐานอ่านออกเขียนได้ได้จริง ๆ  และอีกประเด็นคือ อยากให้ผู้เรียนมีอาชีพ มีรายได้ ดังนั้นหลักสูตรอาชีพที่จะนำมาสอนอยากให้เป็นหลักสูตรใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ได้จริง เช่น หลักสูตรเกี่ยวกับการป้องกันภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะสามารถกำจัดหรือป้องกันสแกมเมอร์ได้  หรือ อาจจะเป็นหลักสูตรที่เกิดจากความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์การมีงานทำ อย่างการสร้างแอปพลิเคชันแนะนำตัวสำหรับผู้เรียนที่จะออกไปประกอบอาชีพจริง เป็นต้น

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การสร้างโอกาสให้ผู้เรียน สกร.ได้เรียนต่อต่างประเทศเป็นอีกเรื่องที่อยากให้เกิด ไม่ใช่แค่เด็กในระบบเท่านั้นที่จะมีโอกาสหรือมีทางเลือก โดยคิดว่า สกร.น่าจะร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ THACCA (ทักก้า) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทย ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย โดยเราอาจจะคัดเด็กที่ฉายแววส่งต่อให้ทักก้าปั้นต่อ เพื่อให้เด็ก สกร.มีโอกาสได้เรียนรู้มากขึ้น  นอกจากนี้อยากทำให้ห้องสมุดภายใต้การดูแลของ สกร.กลับมามีชีวิต เป็นพื้นที่เปิดของการเรียนรู้มากขึ้น โดยสามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับการพัฒนาการฝึกอบรมต่าง ๆ ให้ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  และคิดว่าจะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้กับห้องสมุดให้มากขึ้นด้วย ทั้งการใช้อีบุ๊ก การนำหนังสือ best seller มาให้บริการในห้องสมุดให้หลากหลายมากขึ้น ถึงแม้จะมีห้องสมุดบางแห่งที่ดำเนินการอยู่แล้วเนื่องจากมีงบฯที่จะทำได้ แต่ยอมรับว่าส่วนใหญ่ก็ยังมีข้อจำกัด ดังนั้นก็อาจจะให้เริ่มเป็นโครงการนำร่องในส่วนกลางไปก่อน

“นอกจากนี้ยังมีเรื่องการดูแลจิตใจผู้เรียน สกร.ด้วย เพราะดิฉันทำโครงการเยียวยาใจครูฟื้นฟูใจเด็ก มาก่อน เมื่อมารับตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ และได้ดูแล สกร.ก็พบว่า เด็ก สกร.มีปัญหาด้านสุขภาพจิตค่อนข้างมาก เพราะมาจากครอบครัวที่ไม่พร้อมทำให้ไม่มีโอกาสเรียนในระบบ ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ทำให้เด็กมีความเครียด มีความกดดันสูง จึงมองว่าการฟื้นฟูจิตใจเด็กร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนและครูของ สกร.ทั้งนี้ได้มีการหารือเบื้องต้นกับ รมว.สาธารณสุขแล้ว” ผศ.ดร.ลิณธิภรณ์กล่าวและว่า สำหรับศูนย์การเรียนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนสำหรับเด็กไทยในต่างประเทศ เพื่อให้เด็กไทยที่เกิดหรือเติบโตในต่างประเทศได้เรียนรู้ภาษาไทย วัฒนธรรมไทย ก็ยังส่งเสริมต่อไป

ส่วนเรื่องการสอบเทียบวัดระดับความรู้การศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ การสอบเทียบ ของ สกร.นั้น รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เป็นการกลับมาทำใหม่และได้เปิดสอบไปแล้ว 2 รอบ ผ่านระบบออนไลน์ มีคนเข้าสอบ 2 รอบ รวมกว่า  3,400 คน โดยสอบผ่านรวม 2 ครั้ง 20 คน นั้น มองว่าเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเรียนของ สกร.มีคุณภาพ เพราะจัดสอบโดยหน่วยงานกลาง คือ สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ(องค์การมหาชน) หรือ สทศ. อย่างไรก็ตามมีการพูดคุยในเบื้องต้น ไม่อยากให้ใช้มาตรฐานการศึกษาระบบปิดมาวัด ผู้เรียน สกร.เหมือนเอาผลโอเน็ตไปเทียบกับการประเมินพิซา ซึ่งกระบวนการประเมินเป็นคนละระบบกัน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่า สกร.จะสอนแบบไม่มีคุณภาพ ถ้าเรามุ่งเรื่องพื้นฐานก่อน อย่างน้อยต้องการันตีว่าอ่านออกเขียนได้ ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทักษะภาษาต้องมี ซึ่งเป็นมาตรฐานพื้นฐานที่ไม่ว่าเรียนที่ไหนก็ต้องมี เพราะฉะนั้น สกร.ก็ต้องทำได้ และสิ่งที่ สกร.ควรมีนอกเหนือจากคนอื่น คือ การพัฒนาการเรียนรู้ควบคู่ไปกับภาคประชาชน มีการอบรมหลักสูตรส่งเสริมอาชีพและรายได้ของประชาชน

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments