เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพร้อมด้วย นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนวิภา พร้อมประชุมติดตามการดำเนินงานตามนโยบายด้านการศึกษา และรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กว่า 500 คน ที่หอประชุม 80 ปี โรงเรียนพะเยาพิทยาคม จังหวัดพะเยา โดย นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวรายงานความเสียหายและผลกระทบจากสถานการน้ำท่วมจากพายุวิภา และแนวทางการป้องกันปัญหาน้ำท่วมและแนวทางการฟื้นฟูสถานศึกษา รวมถึงผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาร่วมรายงานผลกระทบและการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พะเยา เขต 1 เข้าร่วมรับฟังและทักทายผู้เข้าร่วมประชุมด้วย

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ตนไม่ได้มามอบนโยบายเพราะเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่ว่าอยากจะมาทักทายกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งที่คุยกับ อ.แหม่ม ช่วงที่มีข่าวว่าจะได้เป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) อ.แหม่ม บอกว่ากระทรวงศึกษาธิการ น่าจะเป็นกระทรวงหลักที่ช่วยเหลือคนไทยโดยเฉพาะลูกหลานให้ได้รับสิ่งดีๆซึ่งก็เป็นความโชคดีที่พรรคกล้าธรรมได้รับโควตา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งในเรื่องของการบริหารราชการ ปล่อยให้ผู้บริหารบริหารกันเอง

“ ช่วง2-3 วันในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผมไม่ได้หลับได้นอน เพราะต้องการให้เสียงในสภาฯครบ เพื่อให้งบประมาณผ่าน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการก็ได้รับงบประมาณมาได้เกือบ 100% ที่ขอไป ถูกตัดเพียง 94 ล้านบาท ซึ่งผมก็ได้ประสานเพื่อน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกคนว่า อย่าไปตัดงบฯกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงเกษตรฯเลย เพราะชีวิตครูกับ เกษตรกร ก็ลำบากอยู่แล้ว ไม่เหมือนอาชีพอื่น ซึ่งก็ถือว่าโชคดีที่ สส. ทุกคนเข้าใจ“ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคกล้าธรรม ได้รับโควต้ามา กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อยากให้การศึกษาไทยเปลี่ยน แต่ส่วนตัวไม่เคยเป็นครูสอนในโรงเรียนไม่เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียนไม่เคยทำงานในกระทรวงศึกษาธิการมาก่อน แล้วเราก็ไม่ใช่เทวดามาจากไหนที่จะเดินมาชี้นิ้วบอกว่านโยบายกระทรวงศึกษาธิการต้องเป็น อย่างโน้น อย่างนี้ ถึงแม้จะมีตำแหน่งทางวิชาการก็ตามแต่ก็เป็นแค่เฉพาะทาง ไม่ได้รู้ทุกด้าน ดังนั้นจึงได้รับฟังจากทุกแท่งก่อนกำหนดมาเป็นนโยบาย โดยตั้งใจอยากให้การศึกษาไทยเปลี่ยน โดยเฉพาะ เรื่องวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองที่ผู้ใหญ่ฝากมา ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กำลังปรับตำราเรียน และตนได้ให้นโยบาย สพฐ.ไปว่าอยากให้เพิ่มสัดส่วนในการสอบเข้าศึกษาต่อ ม.1 ม.4 นอกเหนือจากสอบจบในโรงเรียนแล้ว เพราะเราเป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเราจะไปลอกของชาติอื่นไม่ได้ ส่วนจะเริ่มใช้ในการสอบเข้าเรียนต่อได้เมื่อใดนั้น ต้องหารือถึงความพร้อมของแต่ละโรงเรียนที่จะนำมาใช้ก่อน แต่ก็อยากให้นำมาใช้ให้เร็วที่สุด

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า เรื่องการลดภาระครู รับทราบตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้ากระทรวงศึกษาธิการ ก็เห็นติดที่หน้าประตูกระทรวงว่า เรียนดี มีความสุข แสดงว่าเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่เน้นการพัฒนาตัวเด็ก แต่ตนก็เป็นห่วงว่าจะลืมชีวิตความเป็นอยู่ของครู ก็อยากให้เพิ่ม นอกจากเรียนดีมีความสุข คือ ครูสอนดี ชีวิตครูมีความสุขด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องฝากเรื่องลดภาระครูด้วย ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีมติให้ตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 621 ตำแหน่งมากำหนดเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา 38 ค(2) ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย 18 แห่ง เพื่อแก้ปัญหา ขาดแคลนอัตรากำลังบุคลากรสายสนับสนุนของโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยไปแล้ว และในปลายเดือนนี้ก็จะได้มาอีก 1,800 ตำแหน่งส่วนจะไปลงที่ไหนนั้นจะมีการหารือร่วมกันขององค์กรหลักเพื่อจัดสรรบุคลากรสายสนับสนุนให้โรงเรียนต่อไป อย่างกรณีผลกระทบจากพายุวิภาที่ผ่านมาทำให้ครูต้องมาช่วยทำความสะอาดโรงเรียน ซึ่งเป็นภาระที่หนักเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเป็นไปได้เวลาพิจารณางบฯต่อไปก็อยากจะให้เชิญกรรมาธิการงบประมาณ กรรมาธิการการศึกษา สำนักงบประมาณ หรือ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินลงดูพื้นที่จริงด้วย เพื่อจะได้เข้าใจปัญหาในพื้นที่จะได้ไม่ถูกตัดงบประมาณ

ส่วนเรื่องหนี้สินครู ซึ่งหนักอยู่ ทั้งครูที่ยังประจำการอยู่และครูเกษียณอายุราชการ โดยมียอดหนี้รวมกันมากถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งยอดหนี้ครัวเรือนทั่วประเทศไทยครูน่าจะแบกหนี้เยอะกว่าเกษตรกร โดยเกษตรกรยังมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แต่ครูไทยเกษียณมามีแต่เงินบำนาญ วิทยฐานะก็ไม่มี ได้เงินเกษียณมาก็ไปจ่ายหนี้หมด ทำให้เราคิดว่าจะต้องมี สหกรณ์กลาง สกสค. ขึ้นมา ซึ่งดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)กำลังดำเนินการอยู่ แล้วรับโอนหนี้สินครู จากสหกรณ์อื่นมา มารวมไว้ที่สหกรณ์กลาง สกสค. แต่จะต้องมีตกลงร่วมกันไม่ให้ครูไปก่อหนี้สินอื่นอีก ขณะเดียวกันเราต้องช่วยให้ครูมีรายได้เสริม แต่ไม่อยากให้ครูมีอาชีพเสริมอย่างอื่น อาชีพครูต้องมีรายได้ที่เพียงพอ ซึ่งที่ทำได้ก็คือเรื่องวิทยฐานะซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของ ดร.ธนู ขวัญเดช เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ที่จะทำอย่างไรให้ครู ผู้อำนวยการ โรงเรียน ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการทุกตำแหน่งมีวิทยฐานะ แยกแต่ละแท่งได้ และการได้วิทยฐานะก็ต้องมีความเป็นธรรมกับของแต่ละแท่ง แต่ละสาขา รวมถึงให้ทบทวนการนำผลงานเชิงประจักษ์มาใช้ในการพิจารณาด้วย ซึ่งยอมรับว่าอาจจะมีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ก็ขอให้พิจารณาทบทวนแก้ไขข้อดี ข้อเสียเพื่อที่ครูจะไม่ต้องไปมุ่งทำวิจัยกันหมด จะได้ไปโฟกัสที่พัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนก็จะมีกำลังใจในการทำวิทยฐานะมากขึ้น ทั้งนี้จะมีการประชุมร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกคนก่อน ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ เพราะตนไม่อยากให้ออกมาแบบเป็นคำสั่งให้ทำแต่ต้องการให้เป็นการแก้ปัญหาร่วมกันมากกว่า

จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมประชุมนำเสนอปัญหาในพื้นที่เพิ่มเติม โดย ผู้แทนโรงเรียนเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา ได้แจ้งให้ทราบว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนเอกชนที่ได้รับผลกระทบได้รับความเสียหายไม่ต่างจากโรงเรียนของรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาเลย จึงขอเรียกร้อง ให้ช่วยเหลือในเรื่องการขอกู้เงินกองทุนสงเคราะห์อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปฟื้นฟูโรงเรียนได้เหมือนตอนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ มอบให้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) ไปดูระเบียบกฎหมายเพื่อเปิดทางให้โรงเรียนเอกชนสามารถกู้เงินอัตราดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนสงเคราะห์ได้ ทั้งนี้รวมถึงโรงเรียนเอกชนนอกระบบที่จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายด้วย

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments