เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 นายสานิต พลศรี นายกสมาคมครูชนบท จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย นายสมคิด หอมเนตร รองประธานคณะมนตรีปฏิรูปการศึกษาภาคประชาชน ได้เดินทางมาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษการปรับหลักสูตรการศึกษาเพื่อรองรับการเช่าซื้อสื่อดิจิทัล อาจส่อทุจริตทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ โดยได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานระดับสูงของรัฐตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา กระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าในการกระทำหรืองดเว้นต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ในการปรับหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานเพื่อรองรับการเช่าซื้อสื่อดิจิทัล ซึ่งการปรับหลักสูตร ไม่มีกฎหมายใดที่บัญญัติไว้ให้ปรับหลักสูตรได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 258 (ข้อ 5) ด้านการศึกษากำหนดให้มีการปฏิรูปการเรียนรู้ ผู้เรียนต้องได้เรียนตามที่ตัวเองถนัด พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการปรับหลักสูตร อีกทั้งแผนการจัดการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 ก็มีแต่เรื่องให้ปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนในสถานศึกษาเท่านั้น ดังนั้น ตนจึงมาร้องทุกข์ผู้เข้าข่ายกระทำความผิดส่อไปในทางทุจริตและอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย ประกอบด้วย 1. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 2. ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ ประธานกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)พร้อมด้วย คณะกรรมการกพฐ. ทุกคน 3. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการกพฐ. 4.ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)5.คณะกรรมการกำหนด TOR จำนวน 19 คน 6.คณะกรรมการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะการเช่าใช้อุปกรณ์การเรียนการสอนสำหรับครูและนักเรียน (สเปกสื่อ) จำนวน 31 คน 7.ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ดำเนินการเช่าซื้อสื่อสื่อดิจิตอล ทั้ง118 เขตพื้นที่ฯ 8.ผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้กำหนดคุณลักษณะ (สเปกสื่อ) และคณะกรรมการตรวจรับทุกโรงเรียน ที่ทำการเช่าซื้อสื่อดิจิทัล
นายสานิต กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ว่าที่ร้อยตรี ธนุ จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2568 นี้ การลงนามผูกพันงบประมาณอาจมองได้ว่าเป็นเจตนาส่อทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตนและนายสมคิด จึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 83,86 เป็นตัวแทนและผู้สนับสนุน มาตรา 90 มาตรา 91 เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสมาคมฯได้ยื่นศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด ให้เพิกถอนมติดังกล่าวแล้ว ซึ่งศาลก็รับทราบและรับไปพิจารณา