เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)พร้อมด้วย ดร.พิเชฐร์ วันทอง ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย รองเลขาธิการกพฐ.และผู้บริหารระดับสูง ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้มีการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 37/2568 โดย ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการ กพฐ.กล่าวว่า วันนี้ ตนมารับฟังผลการดำเนินงานของสำนักต่างๆ ในการทำงานที่ผ่านมาซึ่งก็พบว่ามีผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำ หลักการทำงาน 9 ข้อ เพื่อการพัฒนาการทำงานของ สพฐ.ให้มีประสิทธิภาพในยุคที่ตนเป็นเลขาธิการ กพฐ. คือ 1.ยึดหลักราชการ 2. บูรณาการความร่วมมือ 3. ถือผู้เรียนเป็นสำคัญ 4. ก้าวทันเทคโนโลยี 5. มีจิตอาสา 6. พัฒนาอย่างต่อเนื่อง 7. รุ่งเรืองด้วยคุณธรรม 8. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และ 9. แสดงความจงรักภักดี ซึ่งถ้าเรายึดหลักการทั้ง 9 ข้อนี้ เชื่อว่าจะนำพาการศึกษาไทยให้มีคุณภาพ ก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ได้อย่างสมบูรณ์
เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ดูสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบทั้งครูและนักเรียน ร่วมกับ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ พบว่าบ้านพักครูบางโรงเรียนมีความชำรุดทรุดโทรมมาก ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ ก็มีข้อสั่งการให้ สพฐ.ดูแลซ่อมแซมให้เรียบร้อย ให้ครูอยู่ด้วยความปลอดภัยและมีความสุข จึงได้มอบหมายให้ นางภัทริยาวรรณ ไปเจรจา กับการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเชี่ยวชาญในการสร้างบ้าน
นางภัทริยาวรรณ กล่าวว่า ได้ดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ ได้หารือกับกรมธนารักษ์ กับ การเคหะแห่งชาติ แล้ว โดยแนวทางแรก เป็นการจ้างการเคหะแห่งชาติมาซ่อมแซมอาคารเรียนที่มีเด็กลดลง เป็นอาคารว่างที่ไม่มีนักเรียนเรียนให้เป็นบ้านพักให้กับครู ให้เป็นสวัสดิการให้ครูอยู่ฟรี ส่วนโรงเรียนที่เป็นพื้นที่ถูกยุบเลิกแล้วก็จ้างการเคหะแห่งชาติมาสร้างบ้านพักครูให้ครู เป็นสวัสดิการให้ครูอยู่ฟรี ส่วนแนวทางที่สองเป็นแนวทางที่การเคหะแห่งชาติจะไปสร้างบ้านเพื่อขายให้กับครูโดยการเคหะแห่งชาติจะไปทำความร่วมมือ ในเรื่องของสวัสดิการต่างๆกับธนาคาร หรือ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพื่อให้ครูได้อยู่บ้านที่มีคุณภาพผ่อนระยะยาวดอกเบี้ยต่ำ
ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี กล่าวอีกว่า เรื่องการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ นั้น ขณะนี้ สพฐ.ได้ทำความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ในการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ตรงกับนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ แล้ว โดยจะทำให้เป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด เพราะถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนที่เราจะต้องนำสู่การปฎิบัติ เพื่อให้ครูมีวิทยะฐานะ ลดภาระครู ส่วนกระแสข่าวเรื่องการปั่นจำนวนนักเรียน และการขายเก้าอี้ครูนั้น เรื่องนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการขั้นเด็ดขาดแล้วว่าอย่าให้รู้ ถ้าตรวจสอบเจอจะต้องถูกลงโทษทั้งทางวินัย และอาญา ซึ่งเรื่องนี้ตนได้มอบหมายให้ ดร.พิเชฐร์ วันทอง ไปดำเนินการแล้ว
ดร.พิเชฐร์ วันทอง กล่าวว่า ตนได้ตั้งกรรมการลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อเท็จจริงในเร็ว ๆ นี้
ดร.วิษณุ ทรัพย์สมบัติ กล่าวถึง นโยบายไม่ให้จัดลำดับนักเรียน แต่ให้ประเมินศักดิ์ยภาพ ว่า จริงๆแล้วถ้าเราไปดูระเบียบการวัดและประเมินผลนักเรียน จะเน้นการประเมินดูความก้าวหน้าและความสามารถมาเทียบกับหลักเกณฑ์การเรียนรู้ ดังนั้นสิ่งที่โรงเรียนจะต้องดูคือระเบียบและประเมินผลเพื่อตัดสินว่าผ่านไม่ผ่านความก้าวหน้าหรือผลสัมฤทธิ์ ซึ่งการเรียงลำดับไม่ได้อยู่ในระเบียบ แต่อาจเป็นเพราะครูจะมาจัดเรียงลำดับเองตามคะแนน ดังนั้นเราต้องทำการสื่อสารและทำความเข้าใจให้กับผู้ปกครองให้ทราบถึงแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมถึงการสื่อสารสร้างความเข้าใจ ให้กับครูผู้ปกครองด้วย
“การเรียนการสอนในห้องเรียน ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเรียงลำดับเด็กแต่หลักๆคือดูความก้าวหน้าดูผลการเรียนรู้ของเด็กและเทียบกับตนเองเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่เราอยากให้เด็กบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นสิ่งที่ครูต้องรู้คือจะต้องเตรียมเติมเต็มให้กับเด็ก ถ้าเขายังไม่ถึงจุดบรรลุเป้าหมาย” ดร.วิษณุ กล่าว