เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศึกษาธิการ)เปิดเผยภายหลัง เป็นประธาน ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ว่า วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวทางการอุดหนุนเป็นค่าอาหารกลางวันนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่จัดไม่ครบ เพราะมีนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการและขาดแคลน ปี2569 ที่เหลืออีก1 เทอม ซึ่งสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)จะต้องของบฯกลางเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับอาหารกลางวันครบทุกคน ส่วนในปี 2570 ก็ให้ตั้งงบประมาณในพ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี จำนวน 3,900 ล้านบาทต่อปี ต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงการตั้งอนุกรรมการด้านต่าง ๆ เพื่อมากลั่นกรองปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กช.เช่น อนุกรรมการด้านกฎหมาย อนุกรรมการพัฒนากฎหมาย ระเบียบต่างๆอนุกรรมการด้านอาชีวะเอกชน เป็นต้น

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า  นอกจากนี้ที่ประชุมยังรายงานความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)โรงเรียนเอกชน พ.ศ..ซึ่ง สช.ได้ทำประชาพิจารณ์ผ่านความคิดเห็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่า สช.จะนำร่างฯพ.ร.บ.ดังกล่าวเสนอให้ตนภายในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อลงนามเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)และเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ..จะไม่ผ่านในรัฐบาลชุดนี้ อย่างน้อยก็ได้เข้าสู่ขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎรไว้ก่อนแล้ว

“พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ..ล้าสมัยมาก ต้องมีการแก้ไขกว่า 20 มาตรา เพราะตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เช่น พ.ร.บ.เดิมเป็นคู่มือมีเรื่องที่ละเอียดยิบย่อย เรื่องสวัสดิการครู เรื่องกองทุนสงเคราะห์ คุณสมบัติผู้ได้รับใบอนุญาต เรื่องการแก้ปัญหาเกี่ยวกับครูต่างชาติที่มีปัญหาในเรื่องการจ่ายค่าชดเชย เป็นต้น”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ด้าน ผศ.ดร.ศุภเสฏฐ์ คณากูล นายกสมาคมคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน (ส.ปส.กช.)กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดคุยกันมากถึงเรื่องการร้องเรียนจากหลายโรงเรียนทั้งในระบบและนอกระบบเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะโรงเรียนนอกระบบที่เปิดตามห้างสรรพสินค้า ต่าง ๆ ซึ่งผู้จัดการโรงเรียนมีกำไรมหาศาล ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ไปทำข้อตกลงร่วมกับ สช. ว่าจะต้องเอากฎหมายตัวไหนมาใช้ เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้จดทะเบียนในรูปแบบศูนย์การเรียน ซึ่งขึ้นตรงกับ สพฐ.และสพฐ.เป็นผู้ออกวุฒิการศึกษาให้ โรงเรียนเหล่านี้จึงใช้ช่องโหว่ของกฏหมายนำมาบูรณาการกับโรงเรียนนอกระบบกวดวิชาเพื่อจะใช้คำว่า”โรงเรียน” ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาร่วมกัน เนื่องจากโรงเรียนเหล่านี้อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายมาจัด เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็ให้นำมาเข้าที่ประชุม กช.ในครั้งต่อไปว่าจะหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments