ตามที่ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยว่าการดำเนินการประชุมสรรหาเพื่อคัดเลือกเลขาธิการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ของคณะกรรมการสกสค.เป็นไปตามกฏหมายแล้ว แต่มีประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยว่านายวิมล จำนงบุตร รองเลขาธิการสกสค. มีสภาพร้ายแรง อันอาจทำให้การพิจารณาคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค.ไม่เป็นกลางตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และการที่คณะกรรมการสรรหารับพิจารณา นายณรงค์ แผ้วพลสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)และประกาศรายชื่อให้มีสิทธิ์สัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ และต่อมาได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค. ทั้งที่ยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน ตามกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 27 มีนาคม 2562 ศาลเห็นว่าไม่เป็นไปตามประกาศฯจึงทำให้มติของคณะกรรมการสกสค.ครั้งที่5/2562 ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 เฉพาะส่วนที่มีมติให้ นายณรงค์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค.แล้ว ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลสูงสุด ในข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง ซึ่งไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลการวินิจฉัยของศาลปกครองกลางแน่
อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษาคดีดังกล่าวศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนเฉพาะขั้นตอนการลงมติของคณะกรรมการสกสค.และคำสั่งแต่งตั้งนายณรงค์ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค.เท่านั้น ไม่มีผลให้กระบวนการขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นเสียไปหมด ดังนั้นในการประชุมคณะกรรมการสกสค.นัดพิเศษ จึงเห็นสมควรให้นำผลการพิจารณาของคณะกรรมการสรรหาฯประกอบกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในครั้งนั้นดำเนินการต่อไป ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การสรรหาบุคคล เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค.ลงวันที่ 27 มีนาคม 2562
นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการพูดคุยหารือกัน เรื่องนี้ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งคณะกรรมการมีมติให้อุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลตัดสิน ซึ่งตนได้ย้ำมาตลอดว่าจะดำเนินการตามกฏหมายให้ถูกต้อง และที่สำคัญคนที่จะเข้ามาดูองค์กรนี้จะต้องเป็นคนเก่ง คนดี และมีความเชี่ยวชาญที่จะพาครูให้พ้นจากวิกฤติของหนี้สิน ทั้งนี้จะครบกำหนดการอุทธรณ์ในวันที่ 29 สิงหาคม 2562นี้
อนึ่ง แม้คำพิพากษาของศาลปกครองจะผูกพันเฉพาะคู่ความคือผู้ฟ้องคดี นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ.ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค.และผู้ถูกฟ้องคดี คือ คณะกรรมการสกสค.ก็ตาม แต่โดยการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสกสค.ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ได้ออกเสียงลงมติคัดเลือก นายอดุลย์ บุตรสา รองผู้อำนวยการองค์การค้าของสกสค.ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสกสค.ในคราวเดียวกันกับการออกเสียงลงมติคัดเลือก นายณรงค์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค.หากผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำพิพากษาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อ ศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าองค์ประกอบขององค์ประชุมคณะกรรมการสกสค.ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ย่อมมีผลให้การปฎิบัติหน้าที่ต่อมาของคณะกรรมการสกสค.ไม่ชอบด้วยกฏหมายไปด้วย ดังนั้นการลงมติวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 มีการลงมติคัดเลือก นายอดุลย์ บุตรสา ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสกสค.เมื่อองค์ประกอบขององค์ประชุมคณะกรรมการ สกสค.ไม่ชอบด้วยกฏหมายแล้ว จะมีผลทำให้การ ลงมติคัดเลือกนายอดุลย์ บุตรสา ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน