เมื่อวันที่13ส.ค.ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ออกกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2561 ซึ่ง ออกตาม พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 มาตรา 5 ที่ระบุว่า วัยรุ่นมีสิทธิตัดสินใจด้วยตนเองและมีสิทธิได้รับข้อมูลข่าวสารและความรู้ ได้รับบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ ได้รับการรักษาความลับและความเป็นส่วนตัว ได้รับการจัดสวัสดิภาพสังคมอย่างเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และได้รับสิทธิอื่นใดที่เป็นประโยชน์ตามพ.ร.บ.ฉบับนี้อย่างครบถ้วนและเพียงพอ และ มาตรา 6 ที่กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดย 1 จัดให้มีการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียนหรือนักศึกษา 2 จัดหาและพัฒนาผู้สอนให้สามารถสอนเพศวิถีศึกษาและให้คำปรึกษาเรื่องการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นแก่นักเรียนหรือนักศึกษา และ 3 จัดให้มีระบบการดูแล ช่วยเหลือและคุ้มครองนักเรียน หรือ นักศึกษา ซึ่งตั้งครรภ์ให้ได้รับการศึกษาด้วยรูปแบบที่เหมาะสมและต่อเนื่อง รวมทั้งจัดให้มีระบบการส่งต่อให้ได้รับบริการอนามัยการเจริญพันธุ์และการจัดสัวสดิการสังคมอย่างเหมาะสม นั้น
ดร.พีระ รัตนวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำโครงการพัฒนาการเรียนรู้รูปแบบอีเลิร์นนิง เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูให้สอนเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สพฐ.กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และมูลนิธิแพธทูเฮลท์ เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ซึ่งได้มีการจัดทำโปรแกรมพัฒนาครูเพศวิถีศึกษาแบบออนไลน์ โดยได้เริ่มทำการอบรมครูผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และขณะนี้อยู่ระหว่างอบรมผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ นักวิชาการและผู้สนใจผ่านโปรแกรมออนไลน์
“การจัดให้มีการสอนเพศวิถีศึกษา นอกจากจะเป็นการดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นการให้ความรู้เรื่องเพศวิถีที่สอดคล้องและเหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบันและตามช่วงวัยของนักเรียน อย่างรอบด้าน เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินการ”รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าว
