เลขาธิการกอศ.เผย นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้ไปรับฟังความคิดเห็นจากครูทั่วประเทศ เรื่องจัดระบบการประเมินวิทยฐานะแต่ละลักษณะงานของแต่ละตำแหน่ง และได้มอบให้ ก.ค.ศ.ไปหาคณะทำงานรวบรวมกรอบแนวคิดจากผู้ที่มีส่วนได้เสียและผู้เกี่ยวข้องว่าควรจะประเมินตามลักษณะงานด้วยวิธีใด
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมสัมมนามอบนโยบายผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษารัฐ ประจำปีงบประมาณ 2562 ที่ จังหวัดสุโขทัย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้พูดถึงปัญหาการขาดแคลนบุคลากรครูสายผู้สอนของวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)ในภาพรวม ซึ่งถือว่าขาดแคลนอย่างมาก เนื่องจากตามเกณฑ์ของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ควรมีอัตรากำลัง 30,000 กว่าคน แต่ในทางปฏิบัติขณะนี้วิทยาลัยสังกัด สอศ.ทั่วประเทศมีครูเพียง 10,000 กว่าคน ซึ่งขาดถึง 200% หรือ 20,000 กว่าคน แต่ก็ต้องชื่นชมว่า สถานศึกษาได้แก้ปัญหาโดยการใช้เงินอุดหนุนรายหัวที่มีอยู่มาจ้างบุคลากร ซึ่งจากการสำรวจในปีล่าสุดมีการใช้เงินเพื่อการจ้างบุคลากรถึงปีละกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนนี้หากไม่ได้ใช้ในการจ้างบุคลากรที่ขาดแคลน จะถูกนำ ไปใช้ในกิจกรรมฝึก เรียน สอน สอบ ซื้อวัสดุ สื่อ เครื่องมือ เครื่องจักรต่าง ๆ ในการสอนเด็กได้ ซึ่งถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม้จะไม่สร้างความเดือดร้อน แต่ก็ชะลอความคืบหน้าในการพัฒนาของอาชีวะเป็นอย่างมาก
เลขาธิการกอศ.กล่าวต่อไปว่า เหตุผลที่ทำให้ขาดแคลนบุคลากรจำนวนมาก เนื่องจาก สอศ.ต้องดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการผลิตกำลังคนป้อนภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีการรณรงค์ให้นักเรียนที่จบ ม.ต้น และ ม.ปลาย เข้าเรียนต่ออาชีวศึกษามากขึ้น ซึ่งก็สามารถทำได้มากขึ้นตามเป้าหมายของรัฐบาล แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด เมื่อมีนโยบายเช่นนี้ความต้องการครูก็เพิ่มขึ้นตามความต้องการในยุคปัจจุบัน แต่ก็มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้งบประมาณจากรัฐในการเพิ่มอัตรากำลังได้ ตนจึงได้ประสานกับ ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) โดย ดร.สุเทพ ซึ่งเคยเป็นเลขาธิการ กอศ.มาก่อนทราบปัญหานี้ดี และได้ตอบรับในการตัดโอนอัตรากำลังของสพฐ. ที่ไม่สามารถใช้ได้ ด้วยข้อจำกัดตามเกณฑ์ที่ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กำหนด คือ ไม่คืนอัตราเกษียณให้โรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ซึ่ง สอศ.ได้ขอตัดโอนอัตรากำลังดังกล่าวมา และ ดร.สุเทพก็ได้ตอบรับในหลักการแล้ว ขณะนี้เหลือเพียงกระบวนการที่จะนำเสนอ ก.ค.ศ. และ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อดำเนินการต่อไปเท่านั้น
“มีอีกเรื่องที่ได้คุยกับผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษา คือ เรื่องวิธีการประเมินวิทยฐานะผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษา ที่ควรมีเกณฑ์พิเศษในการประเมิน โดย สอศ.ได้ส่งเรื่องไปยัง ก.ค.ศ.ขอให้พิจารณาหลักเกณฑ์ในการประเมินผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาตามสภาพงานจริง ซึ่งในการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งล่าสุดได้มีการอภิปรายการประเมินวิทยฐานะทั้งระบบ โดยที่ประชุมส่วนใหญ่มีแนวโน้มว่า ควรต้องจัดระบบการประเมินวิทยฐานะของครูและบุคลากรและผู้บริหารสถานศึกษารวมถึงผู้บริหารการศึกษากันใหม่ทั้งระบบ โดยไปดูว่าแต่ละภาระงาน แต่ละลักษณะงานของแต่ละตำแหน่งควรจะประเมินด้วยวิธีใด ครูช่างประเมินอย่างไร ครูนาฏศิลป์ประเมินอย่างไร ครูที่เป็นศิลปินประเมินอย่างไร ครูผู้สอนภาคปฎิบัติประเมินอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับครูทั่วประเทศ เพราะ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการได้ไปรับฟังมาจากครูทั่วประเทศและได้มอบให้ ก.ค.ศ.ไปหาคณะทำงานรวบรวมกรอบแนวคิดจากผู้ที่มีส่วนได้เสียและผู้เกี่ยวข้องว่า ลักษณะงานเป็นอย่างไรบ้าง แล้ว