เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ  คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ  เป็นประธานพิธีเปิด “มหกรรมการศึกษาแห่งชาติ : ก้าวสู่คุณภาพการศึกษาที่ดีกว่า” จัดโดย สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) โดย ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการสภาการศึกษา  พร้อมด้วย ข้าราชการ สกศ. ผู้บริหารการศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา อาจารย์ระดับอุดมศึกษา และผู้แทนหน่วยจัดการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ร่วมงานกว่า 1,000 คน

คุณหญิงกัลยา กล่าว บรรยายพิเศษใจความตอนหนึ่งว่า  ขอบคุณทุกฝ่ายทั้ง สกศ. และผู้เข้าร่วมประชุมที่ได้ช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์การพัฒนาการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ดิฉัน รู้สึกตื่นเต้นที่มีผู้ให้ความสนใจ ร่วมพัฒนาระบบการศึกษาของชาติ สุภาษิตจีน กล่าวว่า ปลูกต้นไม้ใช้เวลา 10 ปี ปลูกคนใช้เวลา 100 ปี ดังนั้นการทำงานด้านของประเทศไทย จึงต้องใจเย็นและรอเวลาที่คนจะเติบโตเป็นกำลังคนที่มีคุณภาพในอนาคต รวมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรม เป็นพลเมืองที่ดี  จากคำกล่าวว่า Easy say than done ต้องสร้างจุดเน้นการเรียนรู้คนไทยนอกเหนือจากรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่ทันสมัยแล้ว ยังต้องสำนึกถึงวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงามของไทยไว้ด้วย โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่มีอยู่สอดแทรกแนวคิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทยสร้างการรับรู้ในการศึกษาของเด็กไทยด้วย

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า   การสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและบูรณาการเพื่อเป็นทุนสำหรับการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิตในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นความท้าทายที่จะต้องร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาทั้งระบบให้มีคุณภาพอย่างสูงสุดซึ่งปัจจัยที่สำคัญที่จะกระตุ้นการส่งเสริมการพัฒนา ภายใต้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564) ตลอดจนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 ที่ได้วางกรอบเป้าหมายและทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ และมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 ที่จะเป็นแนวทางพัฒนาผู้เรียนไปสู่ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ของการศึกษา สถานศึกษาแต่ละระดับสามารถจัดการศึกษาให้เหมาะสมตามอัตลักษณ์ของตนเอง สอดคล้องกับสภาพบริบทและตอบสนองความต้องการของท้องถิ่น ชุมชน สังคม และยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ

“การบริหารการศึกษา ผู้บริหารโรงเรียนควรน้อมนำศาสตร์พระราชา และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นแนวทางส่งเสริมการเรียนรู้ของคนทุกช่วงวัยด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีพระบรมราโชบายด้านการศึกษาส่งเสริมให้คนไทยต้องเรียนรู้อย่างหลากหลาย และรู้จักประยุกต์ไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ระบบการศึกษาจึงต้องปรับเปลี่ยนให้หันมาตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น การสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ นำความรู้มาปรับประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เลิกระบบแพ้คัดออกที่ให้โอกาสเด็กเก่งมากกว่าแล้วทอดทิ้งเด็กอ่อนไว้ข้างหลัง แต่ควรเป็นแนวทางที่จะสอนให้เด็กมีความสามารถในการอยู่ร่วมกัน ช่วยเหลือกัน ร่วมมือกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้แก่ประเทศไทย เป็นต้น “คุณหญิงกัลยา กล่าวและว่า  ทั้งนี้ ครูก็ มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน เป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ เช่นเดียวกับนโยบาย Coding ที่ส่งเสริมการคิดของเด็กเป็นระบบ เสริมสร้างการอ่านการเขียน คิดสร้างสรรค์ มีทักษะการคำนวณ และรู้จักคิดวิเคราะห์ โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะสอนเรื่อง Coding ให้กับเด็กไทย ตั้งแต่ ป.1 – 3 ในเดือนพฤศจิกายนของภาคเรียนที่ 2/2562 ถือเป็นการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนโดยตรง เรียนรู้ด้วยรูปแบบ Coding พิชิตดิจิทัล รวมถึงการจัดคูปองการศึกษาของมนุษย์ เพื่อยกระดับทักษะความสามารถกำลังคนไทย (Up skill และ Re-Skill) สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัยในมหาวิทยาลัย หรือวิทยาลัยด้านเกษตรกรรม ด้วยแนวคิดส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยสติ (STI : Science Technology Innovation) สามารถยกระดับอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มความสุขจากการเรียนรู้ จากการเรียนกับผู้เชี่ยวชาญ ปราชญ์ชาวบ้านที่มีความชำนาญ เพิ่มโอกาสและช่องทางการเรียนรู้เข้าสู่ผู้เรียนที่มีความหลากหลาย สามารถสร้างรายได้ระหว่างการเรียนควบคู่กันไปด้วย

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments