ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีความห่วงใยของหลายฝ่าย โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ มีมติเห็นชอบการเพิ่มเงินเพดานการเบิกเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของ ผู้อำนวยการ ครู และบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนเอกชน จากคนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เป็น 150,000 บาทต่อปี ว่า นายกรัฐมนตรีมองภาพรวมของทั้งประเทศ และมีความห่วงใยในสวัสดิการสวัสดิภาพครูทุกคน ทุกสังกัด ซึ่งหลังจากชี้แจงแล้วนายกรัฐมนตรีก็เข้าใจ เพราะหลังจากตนรับตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทุกภาคทั่วประเทศ และมีการประชุมร่วมกับองค์กรต่าง ๆ หลายครั้งรวมถึงได้รับข้อมูลปัญหาสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลครูเอกชนที่สามารถเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี จึงมีนโยบายให้หาทางช่วยเหลือครูเอกชนให้ได้รับค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น โดยคำนึงถึงระเบียบข้อบังคับของกองทุนที่ใช้ได้เฉพาะดอกผลเท่านั้น และต้องคำนึงถึงความยั่งยืนของกองทุนที่จะต้องไม่กระทบกับสมาชิกส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อมีการคำนวณออกมาเป็นตัวเงินแล้ว พบว่าสามารถอนุมัติให้เบิกจ่ายได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อคนต่อปี ขณะที่สวัสดิการอื่น ๆ ก็ยังคงอยู่ โดยมีวิธีการบริหารเงินกองทุนจากการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ โดยจะเริ่มเบิกจ่ายตามเพดานใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
“ที่ผ่านมา เพดานสูงสุดอยู่ที่ 100,000 บาท ซึ่งคณะทำงานได้นำข้อมูลย้อนหลังหลายปีมาเปรียบเทียบและคำนวณกับรายรับ ผลกำไรจากการบริหารกองทุน รวมถึงหาวิธีที่จะไปลงทุนเพิ่มเพื่อให้มีรายรับเพิ่มเติม และยังมีเงินสะสมสำรองเหลืออยู่อีกพอสมควรที่จะนำมาใช้ หากมีผู้มีความจำเป็นต้องใช้เงินสวัสดิการเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการคำนวณอย่างมืออาชีพเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในภาพรวม อย่างไรก็ตามหากมีการเบิกเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลเต็มเพดานเป็นจำนวนมาก โดยหลักการก็ต้องมีการทบทวนกันใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลรายรับกับรายจ่ายของกองทุน ถ้ามียอดใช้จ่ายเยอะก็ต้องพิจารณากัน เพื่อให้กองทุนอยู่ได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ทิ้งครูให้อยู่โดยลำพัง”รมช.ศึกษาธิการกล่าวและว่า นอกจากนี้ตนยังมีนโยบายที่จะสร้างขวัญกำลังใจให้ครูเอกชน คือ กำลังดำเนินการเรื่องการจ่ายตรง อยู่ระหว่างวางระบบของกองทุนให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด เพื่อให้สามารถนำข้อมูลพื้นฐานไปสามารถประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ตั้งใจไว้คือต่อไปหากครูเอกชนเข้ารักษาพยาบาลก็ไม่ต้องสำรองเงิน หรือหากต้องเบิกจ่ายก็พยายามร่นระยะเวลาให้ได้รับเงินได้เร็วขึ้น