เมื่อวันที่ 29  มิ.ย.2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(บอร์ด.สกสค.)คณะกรรมการองค์การค้าของสกสค.(บอร์ด.องค์การค้าฯ)เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า สำนักงาน สกสค. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และองค์การค้า(อค.)ของสกสค. เป็นหน่วยงานในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ตลอดระยะเวลา 1 ปี ตนได้พยายามหาผู้มารับผิดชอบงานเพื่อให้องค์กรเหล่านี้เดินหน้าไปได้ และวันนี้ในการประชุมบอร์ดองค์การค้าฯได้มีมติให้ทำสัญญาจ้างนายอดุลย์ บุสสา  ซึ่งได้รับการสรรหาให้เป็นผู้อำนวยการองค์การค้าฯครั้งที่ผ่านมา ดำรงตำแหน่งผอ.องค์การค้าฯ เพราะการสรรหาผอ.องค์การค้าฯไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสรรหาเลขาธิการสกสค.ที่มีการฟ้องร้องกันอยู่

“เพื่อให้เดินหน้าขับเคลื่อนงานของสำนักงานสกสค.สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และองค์การค้าฯ ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้กำกับของศธ.ผมจึงให้มีการออกประกาศสรรหาเลขาธิการสกสค.และเลขาธิการคุรุสภาคนใหม่ ซึ่งผมได้ปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วว่าสามารถเดินหน้าสรรหาต่อไปได้”นายณัฏฐพล กล่าว

ด้านนายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ คณะทำงานด้านกฎหมาย รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เหตุผลที่นายณัฏฐพล จะให้มีการประกาศสรรหาเลขาธิการสกสค.และเลขาธิการคุรุสภา คนใหม่ นั้น เพราะเห็นว่าถ้ารอการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดของนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)อดีตปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค.กรณีฟ้องบอร์ดสกสค.ต่อศาลปกครองกลาง ในการแต่งตั้งนายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)ที่ได้รับการสรรหาให้เป็นเลขาธิการสกสค.ครั้งนั้น ว่าส่งเอกสารไม่ครบ ซึ่งถ้ารอให้ศาลปกครองกลางตัดสิน นายณัฏฐพล คิดว่าไม่รู้กระบวนการจะสิ้นสุดเมื่อไหร่และองค์กรจะเดินหน้าขับเคลื่อนไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากข้าราชการที่ไปปฏิบัติหน้าที่แทนทั้งสององค์กร เป็นข้าราชการประจำ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่อยู่แล้ว จะทำงานได้ไม่เต็มเวลา

 

“ขณะที่ นายอรรถพลฟ้องศาลปกครองกลาง บอร์ดสกสค.ก็ฟ้องศาลปกครองกลางด้วยเช่นเดียวกัน ว่า นายอรรถพล ได้มอบหมายให้นายวิมล จำนงบุตร  อดีตรองเลขาธิการสกสค.เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีผลกับการออกเสียงในการสรรหาในครั้งนั้นด้วย และศาลปกครองกลาง ก็มีความเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีสภาพร้ายแรง เพราะรองเลขาธิการสกสค.ก็ต้องเลือกเลขาธิการสกสค.อยู่แล้ว ดังนั้นศาลปกครองกลางจึงได้ยกทั้งสองเรื่องและเพิกถอนกระบวนการสรรหาไป แต่นายอรรถพล ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดยืนยันว่าบอร์ดสกสค.ครบถ้วนไม่เป็นสภาพร้ายแรง ขณะเดียวกันบอร์ดสกสค.ก็อุทธรณ์ไปพร้อมกันว่าเอกสารนายณรงค์ครบถ้วน แต่อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ มองว่าเรื่องอยู่ในศาลปกครองสูงสุดไม่รู้ว่าเรื่องจะจบสิ้นเมื่อไร จึงได้สอบถามไปยังกฤษฎีกาว่ากระทรวงศึกษาธิการสามารถดำเนินการสรรหาต่อไปได้หรือไม่  ซึ่งกฤษฎีกาไม่รับพิจารณา เพราะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้นรมว.ศึกษาธิการ จึงได้ส่งเรื่องมาที่สำนักนิติการ สำนักงานปลัด.ศธ.ให้พิจารณาในเรื่องกฎหมาย ซึ่งสำนักงานนิติการฯพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถสรรหาใหม่ได้ เนื่องจากนายณรงค์ได้ทำหนังสือถึงบอร์ดสกสค.แล้วว่าขอสละสิทธิ์ในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสกสค. จึงถือว่ากระบวนการสรรหาเลขาธิการสกสค.ได้สิ้นสุดโดยอัตโนมัติ ตั้งแต่นายณรงค์สละสิทธิ์เป็นเลขาธิการสกสค.”นายสมบูรณ์ กล่าวและว่า ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้ปลัด.ศธ.ไปถอนคำอุทธรณ์กรณีนายณรงค์มีคุณสมบัติครบถ้วน เพราะนายณรงค์ได้ขอสละสิทธิ์ในการสรรหาเป็นเลขาธิการสกสค.แล้ว ดังนั้นการอุทธรณ์ของนายอรรถพล ไม่ว่าแพ้หรือชนะก็ไม่มีผลต่อการดำเนินการสรรหาเลขาธิการสกสค และเลขาธิการคุรุสภา

นายสมบูรณ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการสรรหาเลขาธิการคุรุสภา ที่มีคนร้องว่าการประกาศสรรหาเลขาธิการคุรุสภา  ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะยังไม่ได้ลงในราชกิจจานุเบกษา ตามพ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 นั้น เนื่องจากคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศสรรหาตำแหน่งดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เป็นองค์กรหนึ่งที่จะต้องขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมาย จึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์และหัวข้อให้ชัดเจนในการดำเนินงานตามแผนและนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ จึงเห็นว่าผู้สมัครจะต้องทำแผนการดำเนินงานในช่วง 6 เดือน 1 ปี ว่าจะดำเนินการอะไรบ้าง มาให้คณะกรรมการสรรหาพิจารณา เพราะคณะกรรมการจะต้องมีการประเมินการทำงานช่วง 6 เดือน และช่วง 1 ปี ว่าผู้ได้รับสรรหาตำแหน่งดังกล่าวจะสามารถดำเนินการตามแผนที่เสนอมาได้หรือไม่ โดยขณะนี้นายณัฏฐพล ได้มอบหมายให้ดำเนินการออกประกาศการสรรหาโดยเร็วที่สุด

 

 

 

 

 

 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments