เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2563 ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ได้ตรวจเยี่ยมมาตรการเปิดเทอมที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ซึ่งมีการดำเนินการตามมาตราการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยมีการคัดกรองตรวจวัดไข้ตั้งแต่หน้าโรงเรียน มีเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ มีการแสกนคิวอาร์โค้ดไทยชนะ และทุกคนต้องสวมแมสหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียน
โดย นายณัฏฐพล กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาดูมาตรการรับมือการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ของโรงเรียนขนาดใหญ่ ซึ่งจากที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนขนาดเล็กมาก่อนหน้านี้ พบว่าทั้งโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีปัญหาแตกต่างกัน ในเรื่องความปลอดภัยโรงเรียนขนาดใหญ่จะมีข้อกังวลมากที่สุด เพราะจำนวนนักเรียนในห้องทำให้ไม่สามารถทำการเรียนการสอนแบบปกติได้ อย่างที่โรงเรียนโยธินบูรณะใช้วิธีเหลื่อมวันแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเลขคี่กับเลขคู่ แล้วให้เรียนสลับกับเป็นอาทิตย์ ก็พบข้อกังวลบ้าง แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติในช่วงที่มีการปรับตัว อย่างไรก็ตามจากการที่ได้เข้าไปนั่งในห้องเรียนก็เห็นว่า ในห้องเรียนที่เป็นตึก อากาศถ่ายเทไม่สะดวกมากนักเมื่อเด็กต้องใส่แมสเรียน การแบ่งเวลาเรียนและเวลาพักเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งตนคิดว่าอาจต้องปรับให้การเรียนแต่ละวันมีเวลายาวขึ้น เพื่อให้เด็กมีเวลาพักจากการต้องใส่แมสตลอดเวลา ขณะเดียวกันการรักษาระเบียบวินัยในช่วงพักก็ต้องบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้เด็กมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย
“ต้องยอมรับว่าตอนนี้เราอยู่ในช่วงไม่ปกติ ต้องจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ คงต้องอดทนทั้งผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครอง โดยช่วง 40 วันที่ตัดสินใจเลื่อนเปิดภาคเรียนมาทำให้เรามีความพร้อมเรื่องมาตรการความปลอดภัยระดับหนึ่ง แต่ขอย้ำว่าหลังจากนี้ก็ยังการ์ดตกไม่ได้ เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อมีการปลดล็อกธุรกิจต่าง ๆ จะเห็นว่าประชาชนได้ผ่อนคลายเรื่องการระมัดระวัง แต่สำหรับโรงเรียนผมคิดว่ายังคงต้องเข้มงวดเรื่องระเบียบวินัย เพื่อให้มั่นใจว่าโรงเรียนจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับการต่อสู้กับเชื้อโรคโควิด 19”รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า ส่วนเรื่องการเรียนการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ พบว่า มีปัญหาเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน เพราะในระหว่างที่ครูสอนไม่ทราบว่าเด็กฟังอยู่หรือไม่ เนื่องจากการเข้าถึงอุปกรณ์ของเด็กยังแตกต่างกันอยู่ แต่เท่าที่ดูเด็ก ๆ ก็ให้ความร่วมมืออย่างดีและมีวินัยดี
ด้าน ดร.อำนาจ กล่าวว่า โรงเรียนโยธินบูรณะสามารถบริหารจัดการระบบได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอชื่นชม สำหรับภาพรวมทั้งประเทศขณะนี้ถือว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีรายงานปัญหาอะไรเข้ามา ส่วนกรณีหากพบว่ามีเด็กติดเชื้อโควิด 19 ได้มีข้อตกลงว่าสามารถจะให้ใช้มาตรการของจังหวัดอุดรธานีเป็นต้นแบบได้ คือ ให้หารือกับสาธารณสุขจังหวัด หารือผู้ว่าราชการจังหวัด โดยทางสาธารณสุขจังหวัดจะเข้าไปประเมินสถานการณ์ว่า เด็กติดหรือไม่ และตรวจสอบจากคิวอาร์โค้ดไทยชนะว่าเด็กมาโรงเรียนเมื่อไหร่ เดินไปไหน ใกล้ชิดใครบ้าง ก็ให้ทางสาธารณสุขประเมินว่าหากเด็กติดแล้วจะต้องดำเนินการอย่างไร เช่น ให้หยุดเรียน หยุดอย่างไร ใครต้องหยุดบ้าง เป็นต้น