เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมมอบนโยบายและแนวปฎิบัติในการจัดการศึกษาและการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนได้มอบนโยบายและแนวทางในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย ให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ตนให้ความสำคัญเรื่องการจัดการศึกษาปฐมวัย เพราะนอกเหนือจากการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว เราต้องให้ความเข้มข้นกับการอาชีวศึกษาเป็นอันอับแรก เรื่องที่สองคือเด็กปฐมวัยที่ต้องวางรากฐานให้มีความความเข้มแข็ง และเรื่องการศึกษาพิเศษที่ต้องได้รับการดูแล โดย 3 ส่วนนี้ที่ตนให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้การทำงานหรือบริหารจัดการหรือบริหารงบประมาณเป็นแบบงานประจำไปเรื่อย ๆ เพราะตนคิดว่า 3 ส่วนนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
“เหตุผลที่ผมให้ความสำคัญกับเด็กปฐมวัย เพราะถ้าเราสามารถค้นพบเด็กที่มีพัฒนาช้า หรือ เด็กที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้นในหลายเรื่อง โดยเราเริ่มลงทุนตอนนี้จะมีความคุ้มค่ามากกว่า ปล่อยเด็กไป เพราะถ้าไปเจอช้าอาจจะไม่มีกำลังแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาครูให้ค้นพบเด็กที่มีพัฒนาการช้าได้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องฝึกอบรมและพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง จะบอกว่าครูทุกคนจะต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ตอนนี้คงไม่ใช่แต่ในอนาคตต้องใช่ เพราะครูที่จะสอนเด็กเล็กต้องมีทักษะในการคัดกรองเด็กที่มีพัฒนาการช้า เพื่อจะได้ค้นหาปัญหาให้เจอก่อน”รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า นอกจากนี้การสร้างทักษะความคิด การสร้างความมั่นใจในเด็กเล็ก ให้กล้าแสดงออกก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งหมายถึงการปรับวิธีการสอนเด็กเล็กมีความสำคัญ ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าคนไทยอาจจะมีความมั่นใจในตัวเองไม่มากนัก กล้าแสดงออกน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากการปูพื้นฐานในการเรียนการสอนระดับปฐมวัย เพราะสอนให้อยู่ในระบบ อยู่ในกรอบ วัดแบบเดียวกัน แต่ขณะเดียวกันปัจจุบันก็อาจจะเริ่มสอนให้เด็กมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งถ้าครูมีความเข้าใจก็จะสามารถผสมผสานปรับทักษะของนักเรียนให้ทันกับโลกปัจจุบันได้ดีมากขึ้น
นายณัฏฐพล กล่าวอีกว่า การวางรากฐานต่าง ๆ การเตรียมครูต่างชาติ ภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีน ซึ่งตนตั้งเป้าหมายว่า ปีนี้จะไปใส่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นหลัก เพราะเด็กวัยนี้เป็นวัยที่พื้นฐานของการเรียนรู้ด้านภาษามีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาก็รู้กันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำ