เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาในหลักการการปรับค่าอาหารการวันตามโครงการอุดหนุนค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ( ศธ.) เสนอ เพื่อให้การอุดหนุนค่าอาหารกลางวันมีความเหมาะสมตามขนาดของโรงเรียนที่แตกต่างกัน โดย ศธ. ได้เสนอขอปรับเป็นแบบอัตราก้าวหน้าหรือขั้นบันได จากปัจจุบันที่จะได้รับเงินค่าอาหารกลางวันคนละ 20 ต่อวัน เท่ากันทุกคน ส่วนอัตราที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไรนั้น ทางสำนักงบประมาณ ได้ขอให้ศธ. ไปหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในเรื่องขอโภชนาการ และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งมีโรงเรียนในสังกัดด้วย คาดว่าจะนัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะเสนอครม.พิจารราอีกครั้ง
รมว.ศึกษาธการ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงอัตราค่าอาหารกลางวันที่เหมาะสม ตามขั้นบันได้ โดยโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน 1-20 คน จะได้สูงสุดอยู่ที่หัวละ 36 บาท นักเรียน 21-40 คน หัวละ 31 บาท 41-60 คน หัวละ 27 บาท 61-80 คน อยู่ที่หัวละ 25 บาท 81 คนขึ้นไปได้หัวละ 24 บาท ทั้งนี้อัตราดังกล่าวยังไม่ใช่ข้อสรุป เนื่องจากต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เป็นผลกระทบกับงบประมาณในระยะยาว คาดว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 7,000 ล้านต่อปี โดยจะเริ่มปรับเพิ่มงบค่าอาหารกลางวันได้ภายในปี 2565
“อาหารกลางวันเป็นเรื่องสำคัญทางโภชนาการและความเหมาะสมสำหรับนักเรียน ซึ่ง ศธ. เห็นควรให้มีการปรับเพิ่ม ถึงแม้จะมีการปรับเพิ่มมาแล้วจาก 10 บาทเป็น 13 บาท เมื่อปี 2551 และปรับครั้งที่สอง จาก 13 บาท เป็น 20 บาทในปี2556 แต่ก็ยังไม่ก็ยังไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงเห็นควรเสนอปรับเพิ่ม โดยครั้งนี้ปรับเป็นแบบขั้นบันได เพื่อให้โรงเรียนขนาดเล็กได้รับค่าอาหารกลางวันมากขึ้น เพียงพอต่อการจัดอาหารให้เด็กได้อย่างมีคุณภาพและถูกต้องตามหลักโภชนาการ ” นายณัฏฐพลกล่าว