เมื่อวีนที่ 18 .นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดกรุงเทพมหานคร (กศจกรุงเทพฯมีมติแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษา ประจำปี 2561ในตำแหน่งที่ว่าง  ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 50 ราย ในเขตกรุงเทพฯ แบ่งเป็น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กทม. 1 และ สพม.2 จำนวน 45 ราย และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) กรุงเทพฯ จำนวน 5 ราย ว่า  การแต่งตั้งครั้งนี้ถือว่าใช้ได้ ทุกตำแหน่งมีคำตอบชัดเจน และขอแสดงความยินดีกับทุกคนด้วย  แต่ขอปรามไว้ก่อนว่านโยบายของตน โดยเฉพาะเรื่องการรับนักเรียนยังคงเหมือนเดิม คือ ต้องเป็นธรรม โปร่งใส ไม่มีการเรียกรับเงิน กรณีรับเด็กเงื่อนไขพิเศษก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ขอให้นำกรณีโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยเป็นตัวอย่าง
เรื่องนี้พาดหัวข่าวใหญ่โตไม่ต่างกับข่าวโผทหาร ตำรวจ ส่วนการคัดเลือกที่ว่าบางคนมาจากโรงเรียนขนาดกลางมาอยู่ในโรงเรียนขนาดใหญ่เท่าที่ผมตรวจสอบและได้รับรายงานก็พบว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ที่ผ่านมามีข่าวโจมตีมีบ้างเล็ก  น้อย  ตามประสาของคนที่ได้บ้างไม่ได้ อย่างกรณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาทั้ง 2 รายก็เป็นที่ยอมรับ ส่วนคนนายโสภณ กมล ผอ.โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ที่ผ่านมาก็มีผลงานเป็นที่ยอมรับจากคนทำงานด้วย คณะกรรมการโรงเรียนพึงพอใจตรงนี้ก็ต้องให้ความยุติธรรม”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า  แต่ที่อยากปรามไว้ก่อนคือ คนที่อยู่ตำแหน่งนี้มีความรับผิดชอบสูง นอกจากที่คัดกันมารู้ว่ามีความรู้ ความสามารถ แต่นโยบายเรื่องรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 นี้ต้องสุจริต อย่าให้มีเรื่องที่คนจะครหากันว่าอยากมาเป็นผอ.โรงเรียนใหญ่  เงินได้สะพัด เพราะจะมีการเรียกผลประโยชน์ซึ่งตนได้กำชับเรื่องนี้ผ่าน ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ไปแล้ว ตอนนี้ก็ขอปรามผ่านสื่อด้วย
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเกณฑ์การรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ได้กำชับว่าหลักเกณฑ์ต่าง  ที่ออกมานั้นจะต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเหมือนกับปีที่ผ่านมา กลุ่มศิษย์เก่าที่มีสิทธิอะไรที่เคยได้ควรจะมีอยู่ ขณะที่ ถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่  ก็ต้องคิดให้รอบคอบ เช่น ให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สามารถสอบก่อนได้คือเรื่องหนึ่ง แต่ก็ต้องคิดถึงเด็กที่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาสอบด้วย ตรงนี้ สพฐ.ก็กำลังดูแลอยู่ เพราะฉะนั้น อย่าเปลี่ยนจนทำให้เขาเสียสิทธิ หรืออาจจะมีสิทธิใหม่ อย่าปฏิรูปอะไรจนเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือและประชาชนเขารับไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนแล้วดีขึ้นและเด็กได้สิทธิมากกว่าเดิมก็ควรเปลี่ยน

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments