เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ที่ กรมส่งเสริมการเรียนรู้ ผศ.ดร.ลินธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานแถลงข่าว ความร่วมมือโครงการ “ความร่วมมือพัฒนางานวิชาการการบริหารจัดการบุคลากร” เพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ปีงบประมาณ 2568 โดยมี นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) พร้อมด้วย นางยุพิน บัวคอม นายชัยพัฒน์ พันธุ์วัฒนสกุล นายเอกราช ชวีวัฒน์ รองอธิบดี สกร. นายจเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ ผู้บริหาร ข้าราชการ ของทั้ง 2 หน่วยงาน เข้าร่วม
ผศ.ดร.ลินธิภรณ์ กล่าวว่า นับเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ “ความร่วมมือพัฒนางานวิชาการ การบริหารจัดการบุคลากร” เพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ในปีงบประมาณ 2568 โดยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) กระทรวงศึกษาธิการ และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การขับเคลื่อนหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) ที่เป็นหลักสูตรการสร้างงานที่กำลังเป็นที่ต้องการของสังคม สร้างรายได้ให้ผู้เรียนสู่ครอบครัว และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงทั่วประเทศนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วน เป็นนโยบายการจ้างงานที่ พร้อมสนับสนุนการจ้างงานบุคลากรให้ผู้ เรียนจบหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุจบแล้วมีงานทำทันที
“เมื่อรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศการกระตุ้นเศรษฐกิจดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิง ดิฉันในฐานะ รมช.ศึกษาธิการ ที่ดูแล สกร.จึงเห็นว่าเป็นโอกาสของ สกร.ที่จะเข้าร่วม เพราะเรามีบุคลากรที่ผ่านการอบรมจากกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง ถ้าสามารถนำเด็กกลุ่มนี้เข้าสู่โครงการได้ก็จะทำให้การเรียนของ สกร.นำไปสู่การมีอาชีพเป็น Learn to Earn อย่างแท้จริง โดยโครงการนี้อยู่ในรูปแบบการจัดการศึกษาต่อเนื่อง“วิชาชีพระยะสั้น” โดยมีมาตรฐานขั้นต่ำของหลักสูตร 70 ชั่วโมง และ 420 ชั่วโมง โดยผู้ที่ผ่านหลักสูตร 70 ชั่วโมงจะได้รับเงินเดือน 5,000 บาท และผู้ที่ผ่านหลักสูตร 420 ชั่วโมงจะได้รับเงิน 6,000 บาท ตลอดโครงการ โดยผู้ผ่านการอบรมสามารถไปปฏิบัติงานทั้งในครอบครัว ชุมชน และในเชิงวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงได้จริง จึงต้องเร่งผลักดันโครงการนี้ให้ผู้เรียนที่สนใจได้เข้าการอบรมเพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพตอบสนองความต้องการของสังคม”รมช.ศึกษาธิการกล่าว
ด้าน นายธนากร กล่าวว่า สกร.ดำเนินการจัดหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ Caregiver ตั้งแต่ปี 2559 โดยบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านการจัดการศึกษาต่อเนื่อง ในรูปแบบ วิชาชีพระยะสั้น ทั้ง 70 ชั่วโมง และ 420 ชั่วโมง มีผู้สำเร็จการอบรมแล้ว 9,102 คน จำนวนนี้ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 1,017 คน แต่ผู้ผ่านการอบรมส่วนใหญ่สามารถนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพได้จริง แสดงให้เห็นถึง พลังของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถพัฒนาตนเองและพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานได้จริง
อธิบดี สกร.กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้กำหนดแนวทาง “การจ่ายค่าบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง” เพื่อเป็นค่าตอบแทนแก่ผู้ช่วยเหลือดูแลผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ถือเป็นนโยบายสำคัญที่เชื่อมโยงทั้งมิติทาง เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อสนับสนุนนโยบายนี้ สกร.จึงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สปสช. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเน้นดำเนินงาน 3 ด้าน คือ สนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล พัฒนาหลักสูตรและงานวิชาการด้านการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง และสนับสนุนการวิจัย การฝึกอบรม และการบริการวิชาการ รวมถึงการสร้างโอกาสการจ้างงานให้แก่ผู้สำเร็จหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ สร้างอาชีพและเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว โดยความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงให้กับสังคมไทย ในยุคสังคมสูงวัยและที่สำคัญคือ สร้างคุณค่าให้แก่สังคมไทย ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างมีมาตรฐานและยั่งยืนอีกด้วย