เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ครั้งที่ 33/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมี นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่างๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 และผ่านระบบ Zoom meeting
โดยวันนี้ในที่ประชุมได้หารือหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโรงเรียนในสังกัด สพฐ. โดยได้เน้นย้ำผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ให้ช่วยกันดูแลช่วยเหลือนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งสำรวจอาคารสถานที่ภายในโรงเรียน และอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมต่อไป ส่วนโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ ให้ทำการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ ตั้งแต่การเคลื่อนย้ายสิ่งของที่อาจเสียหายขึ้นที่สูง ดูแลอุปกรณ์-ระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียน รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ พร้อมประสานกับหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)จังหวัด หรือฝ่ายปกครองในพื้นที่ และติดตามประกาศของทางกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากเกิดเหตุจำเป็น เช่น ถนนขาด น้ำท่วม โรงเรียนได้รับความเสียหาย ไม่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ ผู้บริหารโรงเรียนสามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทันที โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยของนักเรียนและครูเป็นสำคัญ
สำหรับสถานการณ์โรงเรียนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ตามที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะในพื้นที่ดังกล่าว และได้พระราชทานความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเด็กๆ นักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ใกล้พื้นที่ชายแดน ทาง สพฐ. ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในการติดตามดูแลการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และได้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานให้พระองค์ทรงทราบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นับเป็นขวัญและกำลังใจแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานทุกคนอย่างหาที่สุดมิได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับรายงาน เรื่องการดำเนินโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน (Science Technology Innovation (STI): Smart Intensive Farming) ที่เพิ่มศักยภาพของโรงเรียน โดยพัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ร่วมกับกระบวนการทางเกษตรกรรมเข้าด้วยกัน โดยประสานความร่วมมือกับมูลนิธินโยบายสาธารณะไทย และได้รับทุนพัฒนาโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีต ปีการศึกษา 2569 จํานวน 50 โรงเรียน โรงเรียนละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท ล่าสุดได้ดำเนินการไปแล้วจํานวน 6 รุ่น รวมทั้งสิ้น 346 โรงเรียน แบ่งเป็น โรงเรียนสังกัด สพป. จํานวน 237 แห่ง และสังกัด สพม. จํานวน 109 แห่ง โดยโรงเรียนจัดการเรียนรู้ในรายวิชาเพิ่มเติมหรือในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมให้นักเรียน สามารถสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อภาคการเกษตร และนำผลผลิตที่ได้มาเพิ่มมูลค่า และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น สลัดผัก เบเกอรี่ กาแฟ จําหน่ายผ่านตลาดในชุมชน ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับนักเรียนและชุมชน เป็นต้น