นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานสืบข้อเท็จจริงกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบความเสียหายและการเยียวยาเงินให้แก่สถานศึกษา ว่า จากที่ได้สรุปผลการสืบข้อเท็จจริงกรณีโกงกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตเสนอต่อ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.โดยมีผู้เกี่ยวข้องจำนวน 25 รายรวมนางรจนา สินที อดีตข้าราชการชำนาญการพิเศษระดับ 8 สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ของ สป.ศธ. ที่ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการไปก่อนหน้านี้ โดยครั้งนี้เป็นการสรุปข้อมูลครั้งสุดท้ายเรื่องการเยียวยา ภายหลังทำการตรวจทานสเตทเมนท์ของวิทยาลัยพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) 26 แห่งและโรงเรียนราชประชานุเคราะห์/ศึกษาสงเคราะห์ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 41 แห่งนั้น คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ พบว่าจะต้องเยียวยาแก่สถานศึกษาเป็นเงินทั้งสิ้น   18,655,825 บาท แบ่งเป็น โรงเรียน สพฐ. 20 แห่ง จำนวน 7,290,825 บาท และวิทยาลัยพยาบาล 20 แห่ง จำนวน 11,365,000 บาท
       ขณะเดียวกัน ยังต้องเรียกเงินคืนจากวิทยาลัยพยาบาล 5 แห่งและโรงเรียนราชประชานุเคราะห์  1 แห่ง รวม  6 แห่ง ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินเกินไปจากนางรจนาและพวก ซึ่งเมื่อหักลบแล้วจะมียอดเงินที่ต้องเรียกคืนรวม 1,140,691 บาท รวมถึงให้จ่ายเงินชดเชยในส่วนที่ขาดด้วยทั้งนี้ จะเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ที่มี นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. เป็นประธาน ทั้งนี้ เงินเยียวยานี้จะให้ย้อนหลังไป 10 ปี ทั้งนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ และจบการศึกษาไปแล้ว แต่ส่วนใหญ่สถาบันการศึกษามักแก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินเด็กกองทุนนี้ด้วยเงินส่วนอื่นไปก่อน

ด้าน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้นิติกร ตรวจสอบสำนวนที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯ สรุปมา แต่เนื่องจากผู้ที่คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงฯชี้มูลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตกองทุนเสมาฯ ทั้ง 25 รายนั้น เป็นข้าราชการในหลายระดับ อยู่ในหลายสังกัดไม่ได้สังกัดแค่ ศธ.เช่น สำนักนายก มหาดไทย จึงเป็นประเด็นว่ากรณีนี้เกี่ยวกับข้าราชการหลายคนและมีผู้บังคับบัญชาหลายระดับ เช่นนี้ใครจะเป็นผู้บังคับบัญชาที่สามารถดำเนินการสั่งสำนวนได้ เช่นร้ายแรง ไม่ร้ายแรง หรือยุติ ดังนั้น เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ศธ.จึงได้ทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่ากรณีลักษณะใครจะเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งสำนวนเพื่อให้เกิดความชัดเจนและดำเนินการที่ถูกต้อง ส่วนการสอบความผิดทางละเมิดนั้นยังอยู่ระหว่างการทาบทามกรรมการเข้ามาทำหน้าที่

     “ถึงแม้จะมีข้าราชการ ศธ.เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และสามารถเสนอ รมว.ศึกษาธิการ สั่งการได้ แต่ก็มีคนของหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้องต้องดูให้ละเอียด ซึ่งการหารือกับก.พ.จะได้แนวทางชัดเจนว่าให้แต่หน่วยงานสั่งสำนวนเอง สั่งอย่างไร หรือจะทำสำนวนในภาพรวมทีเดียว จากนี้คงต้องรอทาง ก.พ.ตอบมา ซึ่งหลังจากส่งหนังสือเป็นทางการแล้วผมก็จะประสานอย่างไม่เป็นทางการขอให้ทางก.พ.ช่วยพิจารณาโดยเร็วด้วย”นายการุณ กล่าว
     ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนการเยียวยาให้แก่ผู้รับทุนกองทุนเสมาฯนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อมูลจาก นายอรรถพล แต่ก่อนหน้าที่มีการประชุมคณะกรรมการบริการกองทุนเสมาฯ ได้มีมติให้ทำหนังสือสอบถามไปยังกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังว่ากองทุนสามารถนำเงินที่มีอยู่ ซึ่งเป็นในส่วนของกำไรมาใช้เพื่อเยียวยาเด็กที่ไม่ได้รับทุนได้หรือไม่ ซึ่งก็ได้ทำหนังสือไปเรียบร้อยแล้ว รอทางกรมบัญชีกลางตอบกลับมา หากตอบกลับมาเช่นไรก็จะนัดประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ทันที ซึ่งถ้ากรมบัญชีกลางตอบว่าสามารถใช้เงินดังกล่าวได้ ที่ประชุมก็สามารถอนุมัติการจ่ายเพื่อเยียวยาได้ทันทีเพราะมีเงินแล้ว ขณะเดียวกัน ในการประชุมครั้งต่อไปก็จะต้องพิจารณาไปถึงการวางมาตรการสำหรับการดูแลเด็กทุนเสมาฯรุ่นใหม่ และจัดทำคู่มือการเบิกจ่ายเงินกองทุนฯด้วย

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments