ประเทศไทย เป็นจุดศูนย์กลางการเชื่อมต่อกับกลุ่มเศรษฐกิจในทวีปเอเซีย จากเหนือสู่ใต้ ตั้งแต่จีนลงสู่อินโดนีเซีย จากตะวันออกมายังตะวันตกตั้งแต่เวียดนามข้ามไปจนถึงเมียนมา และเป็นจุดยุทธศาสตร์ของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในด้านการผลิต การค้า การส่งออกและการขนส่ง ทั้งยังอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยจึงเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของการลงทุนในอาเซียน เพื่อเชื่อมเอเชียและเชื่อมโลก
โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกหรือ Eastern Seaboardมากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) มีเป้าหมายหลักในการเติมเต็มภาพรวมในการส่งเสริมการลงทุนซึ่งจะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้ เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้ในระยะยาว โดยในระยะแรกจะเป็นการยกระดับพื้นที่ในเขต 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการขับเคลื่อน เศรษฐกิจอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพผ่านกลไกการบริหารจัดการภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการนโยบายพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
และในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่ดูแลนักเรียน นักศึกษา ในระบบให้เป็น บุคลากร 4.0 ที่มีความรู้ทำงานได้จริง มีรายได้ดี ด้วยทักษะภาษา เทคโนโลยี ความรู้อุตสาหกรรมใหม่ และมีความสามารถในการสร้างนวัตกรรม ซึ่ง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้กล่าวระหว่างเป็นประธาน จัดประชุมสัมมนาจัดทำฐานข้อมูลกำลังคนด้านอุตสาหกรรมของสถานประกอบการญี่ปุ่น ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ชลบุรี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2562 ว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมบุคลากร เพื่อมารองรับ อีอีซี โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดทำข้อมูล และต้องสามารถประสานงานกับผู้ประกอบการถึงความต้องการด้านการตลาดเพื่อจะได้เตรียมบุคลากรที่มีคุณภาพและเหมาะสม ไม่ให้เสียโอกาสและเวลา เพราะถ้าเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพเราจะได้ทำงานร่วมกันทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น สามารถเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งประเทศไทย และญี่ปุ่น เราได้มีการสนับสนุนการลงทุนซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และหวังว่าครั้งนี้เราก็จะเดินหน้าไปด้วยกันได้อีก ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมด้านแรงงาน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะมาขยายการลงทุนในประเทศไทย
“ถ้าหากมีการพัฒนาบุคลากรที่เข้มข้นการลงทุนในอนาคตจะทำให้เราทุกคนสามารถทำงานด้วยกันอย่างมีความมั่นใจอย่างมีความเชื่อมั่นว่าการลงทุนที่ไหนก็ตามจะมีความมั่นคง ทั้งนี้หน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการจะมีปัญหาอยู่บ้างในการเชื่อมต่อข้อมูล ดังนั้นในการสัมมนาในวันนี้เราจะได้รับทราบข้อมูลถูกต้องและตรงกันและให้เชื่อมั่นว่าถ้ามาลงทุนในประเทศไทยจะไม่ผิดหวังเพราะประเทศไทยมีความพร้อมที่จะทำให้การลงทุนมีความมั่นคง”นายณัฏฐพล กล่าวและว่า เราจะเตรียมบุคลากรเพื่อเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สะดุด จะมีการเรียนภาษาตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลอย่างถูกต้อง อะไรที่เป็นปัญหาจะได้ช่วยกันการวางแผนตั้งแต่การเตรียมคน ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับอาชีวศึกษา และอุดมศึกษา หวังว่าการสัมมนาครั้งนี้เราจะได้แชร์ประโยชน์ซึ่งกันและกันและหวังว่าในการเดินไปข้างหน้าข้อมูลเหล่านี้จะได้มีโอกาสนำมาใช้สร้างแรงงานหรือทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญของการเคลื่อนตัวในการขยายธุรกิจในอีอีซี โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี ของผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น
วิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า สิ่งที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ขณะนี้มาถูกทางแล้ว เพียงแต่ว่าจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง อย่าให้ขาดตอน แต่ตนก็ยังสบายใจอยู่ที่มีพ.ร.บ.ของ อีอีซี ออกมารองรับเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ฐานของเด็กที่เรียนระดับอาชีวศึกษา และระดับอุดมศึกษา มีเป็นล้าน ๆ คน ดังนั้นที่กังวลกันว่าจะมีสถานประกอบการมารองรับกำลังคนที่กำลังผลิตออกมาจำนวนมากได้หรือไม่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าจะไม่ได้ ต้องทำไปก่อน เพราะในส่วนของอมตะ มีความชัดเจนว่าต้องการกำลังคนแบบไหน มีคนทำงานมากกว่า 200,000 คนใน 800 โรงงาน ซึ่งต่อไปจะมีอุตสาหกรรมใหม่เพิ่มขึ้น เพราะเราอยู่ในเขตพื้นที่ อีอีซี เพียงแต่ว่าเกาให้ถูกที่คันก็แล้วกันว่าความต้องการของโรงงานต้องการแบบไหนก็ต้องผลิตตามที่โรงงานต้องการเท่านั้น และตนเห็นแล้วว่านายณัฏฐพล มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเรื่องนี้ ดังนั้นตรงนี้ก็คงจะไม่ยากนักกับการเดินหน้าต่อไป
ด้านดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า การประชุมสัมมนาจัดทำฐานข้อมูลกำลังคนด้านอุตสาหกรรมของสถานประกอบการญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลความต้องการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการญี่ปุ่น ในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก อันจะนำไปสู่การวางแผนการผลิตกำลังคนให้มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของสถานประกอบการอย่างแท้จริง และการขอความร่วมมือกับสถานประกอบการเพื่อใช้เป็นฐานในการเรียนและการฝึกงานของนักศึกษารูปแบบ Work Integrated Learning (WIL) แบบเข้มข้น ต่อไป รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์การจัดการเรียนการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ต่อเนื่อง 5 ปี) ตามมาตรฐานโคเซ็น ซึ่งเป็นหลักสูตรตามความร่วมมือกับ National Institute of Technology (สถาบัน KOSEN) ประเทศญี่ปุ่น โดยได้จัดการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 ณ วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา และวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ (ชลบุรี) จังหวัดชลบุรี ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วยผู้แทนจากสถานประกอบการ จำนวน 40 สถานประกอบการ และผู้แทนจากสถานศึกษาในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก จำนวน 20 สถานศึกษา รวมจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 200 คน และมีการจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์สถานประกอบการและสถานศึกษา จำนวน 60 แห่งด้วย