คำถามที่ต้องการคำตอบ “ทำไมการศึกษาไทยถึงถอยหลัง” เจอคำถามนี้เข้าไป ก็คงต้องย้อนไปที่โคลงสี่สุภาพที่ประพันธ์โดย มล.ปิ่น มาลากุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปูชนียบุคคลของวงการศึกษาไทย ที่ว่า

กล้วยไม้ออกดอกช้า ฉันใด

การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น

แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น

การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม

ในอดีต เรายังมีโอกาสเห็นกล้วยไม้ที่ออกดอกงดงาม ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็ได้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ…

จริงอยู่การศึกษาอาจไม่สำเร็จได้ในเร็ววัน มองเห็นผลได้ในทันที เหมือนการทำถนน และด้วยความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้การศึกษาเรียนรู้ มีช่องทางที่หลากหลาย ไม่จำกัดแต่เพียงในโรงเรียน แต่มีแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนมากมายที่เปิดให้ทุกคนสามารถท่องโลก แสวงหาความรู้ได้ตลอดเวลา อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นหนทางพัฒนาให้การศึกษาก้าวไปข้างหน้า แต่น่าแปลกใจว่า ทำไมจึงยังเกิดข้อสงสัยว่า การศึกษาไทยถ้าไม่ถอยหลังก็หยุดอยู่กับที่ ยังไม่ก้าวไปข้างหน้า

เรื่องนี้คงหนีไม่พ้น คนที่รัฐบาลเลือกให้มาคุมบังเหียนกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นกระทรวงเกรดเอ ได้รับงบประมาณมากที่สุดในระดับต้น ๆ ดูแลเด็กทั้งในและนอกระบบนับสิบล้านคน และยังมีครูอีกเป็นล้านคน  ดูแลการศึกษาของคนส่วนใหญ่ตั้งแต่เกิดจนตาย ต้องถือว่ากระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงสร้างคน แต่ระยะเวลา 7-8 ปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการ คนที่ได้รับแต่งตั้งเป็น “เสนาบดี”ยังไม่มีคนพอจะสายตรงทางการศึกษาเลย นับตั้งแต่ ทหารเรือ ทหารบก คุณหมอ แล้วก็มาถึงนักการเมือง จนดูเหมือนว่าการศึกษานับแต่จะถอยหลัง ทำท่าจะดีขึ้นหน่อยสุดท้ายก็เละไม่เป็นท่า

ความเป็นกระทรวงคุณครู ภาพจำของคนคือ เป็นกระทรวงคุณภาพ สร้างคนดี คนเก่ง โปร่งใส มีคุณธรรม จริยธรรม แต่ในภาพความเป็นจริงกลับตรงข้ามมีแต่เรื่องฉาว เรื่องราวการทุจริต ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด

เชื่อเถอะไม่ว่าใครมาเป็นเสนาบดีแม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายขนาดไหน ก็ไม่ได้ทำงานแบบใส ๆ มือไม้สะอาด เพราะแต่ละคนจะมีบรรดาคณะทำงานลิ่วล้อตามมาเป็นขบวน“สั่งการ”แทนนาย แทนที่จะมุ่งทำงานพัฒนาการศึกษาเพื่อเด็กเยาวชนด้วยความบริสุทธิ์ใจ  แต่กลับทำการคอรัปชั่นเชิงนโยบายอย่างถูกกฎหมายที่เราไม่รู้เท่าทัน ใช้เงื่อนไขทางการเมืองในการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง  ยิ่งไปกว่านั้นบางกลุ่มยังเข้ามาล้วงลึกถึงไส้  แม้กระทั่งงบประมาณที่เก็บไว้ในยามวิกฤต ก็ยังถูกล้วงขึ้นมาใช้ ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวบ่อนทำลายกำลังใจคนทำงาน ถึงว่าการศึกษาไทยถึงไม่ไปไหนซักที

Focusnews.in.th ถ้าพูดกันตรง ๆ เราก็คือหมาเฝ้าบ้าน ถึงแม้จะทำหน้าที่ไม่ 100% แต่ก็ยังดีกว่าเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะปล่อยผ่านไป ไม่ทำอะไรเลย  เราอาจจะเป็นสื่อตัวเล็ก ๆ แต่อย่างน้อยก็ขอสะกิด เตือน ๆ  และตีแผ่ความไม่ชอบธรรม ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับวงการศึกษาไทย

 

ทีมข่าว Focusnews.in.th

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments