เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ดร.นันทา หงวนตัด รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับระบบประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาว่า ที่ผ่านมาพบปัญหา 3 ประการ คือ

1) สถานศึกษาบางส่วนไม่มีแรงจูงใจในการนำผลการประเมินไปใช้ ซึ่งปัจจุบัน สมศ. ได้นำโครงการส่งเสริมการนำผลประเมินไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา เพื่อส่งเสริมให้สถานศึกษาหลังจากเข้ารับการประเมินแล้วสามารถนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกและข้อเสนอแนะไปพัฒนาต่อให้เป็นรูปธรรม โดยดำเนินการร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา 27 แห่งทั่วประเทศ และผู้ทรงคุณวุฒิกว่า 700 คนที่ขึ้นทะเบียนไว้ร่วมให้คำปรึกษา แนะแนวทางการดำเนินงานให้แก่สถานศึกษาตามความต้องการของสถานศึกษา โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนา และต่อยอดศักยภาพการศึกษาไทย ภายใต้แนวคิดร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนา

2) ระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาบางแห่งยังไม่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการดำเนินการเป็นครั้งคราวเพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ. เท่านั้น จึงทำให้สถานศึกษาบางแห่งมองว่าการประเมินของ สมศ. เป็นภาระ

3) สถานศึกษาหลายแห่งที่ได้รับข้อเสนอแนะจาก สมศ. แม้จะนำไปปรับใช้กับการทำงาน แต่ไม่ได้นำไปกำหนดไว้ในแผนของสถานศึกษาเพื่อเป็นเป้าหมายการดำเนินงาน

ดร.นันทา กล่าวว่า จากผลการวิจัยของ สมศ. พบว่า สถานศึกษามากกว่าร้อยละ 50 มีการนำผลการประเมินของ สมศ. ไปใช้วางแผนหรือปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานต่างๆ แต่พบว่ามีสถานศึกษาเพียง ร้อยละ 20 ที่นำผลการประเมินไปใช้ในการกำหนดเป้าหมายในแผนพัฒนา ส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพไม่เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาการนำผลการประเมินไปปรับใช้เพื่อพัฒนาสถานศึกษายังไม่เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร สถานศึกษาบางส่วนยังไม่มีการนำไปปรับใช้อย่างจริงจัง ดังนั้น เกณฑ์การประเมินรอบใหม่ในปีงบประมาณ .. 2567 ของ สมศ. จึงมีการเพิ่มเติมเรื่องการนำผลการประเมินคุณภาพภายนอกที่ผ่านมาของสถานศึกษาแต่ละแห่งมาพิจารณาร่วมด้วย โดยสถานศึกษาต้องนำผลการประเมินที่ผ่านมาไปปรับปรุง พัฒนาสถานศึกษาตามข้อเสนอแนะจาก สมศ. ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และการดำเนินงานต้องเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามีส่วนร่วมมากขึ้น อาทิ กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง หรือชุมชน เป็นต้น เพื่อเป็นการร่วมมือร่วมใจกันต่อยอดพัฒนาให้การดำเนินงานของสถานศึกษาบรรลุเป้าประสงค์ในที่สุด

สมศ. ยังคงให้ความสำคัญกับการประเมินคุณภาพภายนอกเพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพสถานศึกษา โดยแนวทางการประเมินคุณภาพภายนอกปีงบประมาณ.. 2567 จะกำหนดวิธีการประเมินคุณภาพภายนอกที่เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ทั้งในส่วนของวิธีการและจำนวนวันประเมิน แตกต่างกันตามบริบทสถานศึกษา รวมทั้งเน้นการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สนับสนุนการประเมินตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ตลอดจนการนำข้อมูลสารสนเทศไปใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นการพิจารณาจากการดำเนินงานของสถานศึกษาที่เกิดขึ้นจริง โดยไม่ต้องจัดทำข้อมูลหลักฐานเพื่อรองรับการประเมินคุณภาพภายนอกของสมศ. ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดภาระของสถานศึกษาให้มากที่สุดรักษาการ ผอ.สมศ.กล่าวและว่าอย่างไรก็ดี สำหรับผลการประเมินสถานศึกษาตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งปีงบประมาณ .. 2566 จะเป็นปีสุดท้ายของการประเมินคุณภาพภายนอกภายใต้กรอบแนวทาง รูปแบบ และวิธีการประกันคุณภาพภายนอกภายใต้สถานการณ์จำเป็นและเร่งด่วนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) จนถึงปัจจุบัน สมศ.ได้ดำเนินการประเมินสถานศึกษาไปแล้วจำนวน 8,283 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 62.54 จากเป้าหมายสถานศึกษาจำนวน 13,245 แห่ง และในขณะนี้ สมศ. อยู่ระหว่างการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาที่เหลือ โดยคาดว่าจะประเมินแล้วเสร็จในช่วงเดือนกันยายน 2566 นี้

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments