เมื่อวันที่ 13 มิถุยายน 2566 ดร.อัมพร  พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้กำชับให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ดูแลเรื่องพฤติกรรมเด็ก ซึ่งมีความผิดเพี้ยนไปหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งความรุนแรงที่เด็กกระทำกับตัวเอง และความรุนแรงที่เด็กกระทำกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน จนถึงขั้นมีการเสียชีวิต  ซึ่งพบว่า มีปัญหาเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงขอให้ทางเขตพื้นที่ฯ ไปถอดบทเรียนจากปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการจัดการเรียนการสอนหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  หรือโควิด-19  ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอน โดยเน้นกิจกรรมสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อนกับเพื่อนก่อนในช่วงแรก เพื่อให้เกิดความผูกพัน รักใคร่ เกิดความเป็นพี่ เป็นน้อง  เพราะตนมองว่าการเน้นให้เรียนวิชาการทันทีที่เปิดภาคเรียนอาจไม่เหมาะสมกับบริบทการเรียนหลังโควิด-19

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ หลังเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ได้ระยะหนึ่งพบว่า มีปัญหาความรุนแรงเกิดขึ้นกับเด็กทั้งในและนอกโรงเรียนจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีสถานการณ์เพิ่มมากขึ้นจากเดิม ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีความรุนแรงเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตมากเท่าปัจจุบัน ส่วนจะเกิดมากขึ้นเพราะสาเหตุใดนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน โดยต้องวิเคราะห์และแก้ปัญหาเป็นรายบุคคล ซึ่งเรื่องนี้ต้องวางแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกับ หน่วยงานด้านสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต เพื่อให้ครอบคุมและสามารถดำเนินการได้ตรงจุด

ดร.อัมพร กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย นั้น  นายสุรินทร์ มั่นประสงค์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ. ได้รายงานว่า การรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ถึงวันที่ 6 มิถุนายน โดยสรุปมียอดผู้สมัครทั้งหมด 172,026 ราย  ใน 205 เขตพื้นที่ฯ 63 กลุ่มวิชา อัตราว่างที่สามารถบรรจุแต่งตั้งได้จำนวน 7,813 อัตรา โดยมีเขตพื้นที่ฯ ที่ไม่เปิดรับสมัครสอบ 41 แห่ง  ภาพรวมการรับสมัครเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนปัญหาจากระบบการรับสมัคร ซึ่งกำหนด คำว่ากลุ่มวิชาเอก หรือทาง หรือสาขาวิชาเอก  ทำให้บางเขตพื้นที่ฯ ที่เปิดรับสมัครมีการตีความที่แตกต่างกันนั้น  ก็ทราบว่าได้มีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวปัญหาไม่ได้อยู่ที่หน่วยงานที่รับสมัคร แต่อยู่ที่มหาวิทยาลัยที่ผู้สมัครจบการศึกษาไม่ได้ส่งหลักสูตรให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) รับรอง ทำให้เมื่อมีการตรวจสอบเอกสารการรับสมัคร จึงพบว่า กลุ่มวิชาเอก หรือสาขาวิชาเอก ที่สมัครไม่ตรงกับที่ก.ค.ศ. รับรอง ทำให้ขาดคุณสมบัติการสมัคร ดังนั้นเรื่องนี้จึงขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ซึ่งก็ได้ให้คำแนะนำไปว่า ควรส่งหลักสูตรให้สำนักงานก.ค.ศ.รับรองก่อนการสมัคร  ส่วนรอบนี้ ก็คิดว่าผู้สมัครจะได้สิทธิสอบทุกคน เพราะทราบว่า ทางสำนักงานก.ค.ศ. ได้ประชุมเฉพาะกิจเพื่อรับรองหลักสูตรให้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับการจัดสอบในวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ ตนได้ย้ำให้เขตพื้นที่ฯ ดำเนินการจัดสอบ ให้มีความเป็นธรรมาภิบาล โปร่งใส ไม่ให้มีปัญหาเรื่องการทุจริต

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments