จากกรณี นางประภัสสร ม่วงทิพย์ ผู้รับเหมาโครงการปรับปรุงโรงอาหารในวิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี ยื่นหนังสือถึง สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, และศูนย์รับเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมรัฐบาล สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือถึง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แล้ว ทั้งนี้ นางประภัสสรขอให้ตรวจสอบถึงการออกคำสั่งโดยมิชอบ ของ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ว่า เป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยทุจริตหรือไม่ในการออกคำสั่งให้ นายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี กลับเข้ารับราชการระหว่างถูกคำสั่งพักราชการ ทั้งนี้ เนื่องจาก สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ได้ยื่นฟ้องต่อศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานรับสินบนและเป็นเจ้าพนักงานปฎิหน้าที่ราชการโดยทุจริตตามมาตรา 149 และ 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้องไว้แล้วปรากฎตามหนังสือสำนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ด่วนที่สุดที่ อส.0041(ปทภ 1.1)/217 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2567  ดังนั้น นายเพชรโยธิน จึงตกเป็นจำเลยโดยสมบูรณ์ และยังถือได้ว่าคำสั่งพักราชการยังมีผลสมบูรณ์ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบันเว้นแต่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเท่านั้น ดังนั้นหากรับนายเพชรโยธิน เข้ารับราชการอีกครั้ง จะชอบด้วยระเบียบ กฎหมายหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้เพื่อรักษาไว้ถึงหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก สอศ. โดยว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)อดีต เลชาธิการ กอศ.ขณะนั้น ได้สั่งพักราชการไว้ก่อนตามคำสั่งสำนักงานอาชีวศึกษา ที่  584/2566 ลงวันที่ 31 มีนาคม 2566 เรื่อง “ให้ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาพักราชการ” คือ  นายเพชรโยธิน ราษฎร์เจริญ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี ขณะนั้น  มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาในเรื่อง รายงานของสถานีตำรวจภูธรธัญบุรี ตามหนังสือที่ ตซ..16.5(10)/2233 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2566 เรื่อง แจ้งผลการสอบสวน คดีอาญาที่ 322/2565 โดยพนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว ทำการสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็น สั่งฟ้อง นายเพชรโยธิน  ผู้ต้องหา ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมที่จะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำหรือไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการกระทำนั้นจะชอบหรือมิซอบด้วยหน้าที่และเป็นพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและในขณะนี้ อยู่ระหว่างการจัดทำสำเนาเอกสาร และไฟล์ดิจิตอล เพื่อนำส่งอัยการคดีทุจริตภาค1และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยกล่าวหาว่านายเพชรโยธิน  เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินประยชน์โดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิซอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท และมาตรา 157 ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึง สองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับแห่งประมวลกฎหมายอาญา หมวดความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ราชการอันมีเหตุให้พักราชการ ตามกฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2555 หากคงอยู่ในหน้าที่ราชการอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ เป็นต้น

นายยศพล กล่าวว่า นายเพชรโยธิน ได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์พักราชการไปยัง คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) กรณีคำสั่งพักราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งคำสั่งให้พักราชการถึงสองครั้งเป็นโทษกรรมเดียวกันจะพิจารณารวมกันไม่ได้ ซึ่ง ก.ค.ศ.พิจารณาแล้ว ว่าการอุทธรณ์ ของนายเพชรโยธิน ฟังขึ้น จึงมีมติให้สอศ.ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งพักราชการครั้งสองและมีคำสั่งให้บรรจุกลับเข้ารับราชการตามเดิม สำหรับการดำเนินการทางวินัย สอศ.ได้นำเรื่องเสนอ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(อ.ก.ค.ศ.สอศ.)จากโทษวินัยร้ายแรง เป็นไม่ร้ายแรง และลงโทษภาคทัณฑ์ ว่ากล่าวตักเตือน เพราะไม่เข้าองค์ประกอบทำการทุจริตร้ายแรง และได้นำเรื่องเข้าที่ประชุม คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)พิจารณา ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นตามที่ อ.ก.ค.ศ.สอศ.เสนอ จึงได้มีคำสั่งให้ นายเพชรโยธิน เข้ารับราชการ และให้ย้ายไปอยู่ที่วิทยาลัยการอาชีพพระสมุทรเจดีย์ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า ส่วนคดีทางอาญานั้น ต้องแยกออกจากคดีทางวินัย ซึ่งสอศ.มีอำนาจพิจารณาเรื่องของวินัยเท่านั้น คดีอาญาก็ให้นายเพชรโยธินไปสู้ในชั้นศาล สำหรับกรณีที่ นางประภัสสร ฟ้องตนนั้น ก็ขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาก่อน ถ้ามีอะไรก็คงส่งเอกสารมาถึงตน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนจะทำหนังสือชี้แจง พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับทราบต่อไป

ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)อดีต เลชาธิการ กอศ.กล่าวว่า ณ เวลานั้น ตนได้รับหนังสือจากสถานีตำรวจภูธรธัญบุรี แจ้งว่า สภ.ได้สั่งฟ้องนายเพชรโยธิน ตามมาตรา 149,157 และแจ้งมาที่สอศ.ตามเอกสารข้างต้น ซึ่งตนในฐานะเลขาธิการ กอศ.และเป็นผู้บังคับบัญต้องดำเนินการตาม กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการสั่งพักราชการ เพราะถ้าปล่อยไว้จะเสียหายต่อภาพลักษณ์กระทรวงศึกษาธิการ และนโยบายการป้องกันการทุจริต อีกทั้งเกรงว่าจะมีความผิดตามมาตรา 157 ด้วย

4.5 2 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments