เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) กล่าวถึงนโยบายการปรับเนื้อหาวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ว่า ขณะนี้มีความคืบหน้ามาก โดยจะให้เพิ่มเนื้อหาเรื่องภูมิศาสตร์เข้าไปด้วย เป็น ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง เพื่อต้องการปลูกฝังให้เด็กรักชาติ แต่ที่สำคัญอาจต้องไปเริ่มที่กระบวนการจัดการเรียนการสอน ต้องสอนประวัติศาสตร์ในเชิงสร้างสรรค์ให้เด็กคิด วิเคราะห์ ไม่ใช่แค่ท่องจำ เช่น กรณีที่เราเสียกรุงครั้งที่ 2 ไม่ใช่แค่จำว่าเสียกรุงเมื่อไหร่ แต่ต้องสอนให้เด็กคิดว่าทำไมเราถึงเสียกรุง ถ้าเราอยู่ในยุคนั้น เราจะทำอย่างไรให้เราไม่เสียกรุง ซึ่งตอนนี้เรากำลังปรับทั้งหลักสูตรและปรับวิธีการจัดการเรียนการสอนเป็นแบบ Active Learning ให้เด็กคิด วิเคราะห์ รวมถึงต้องปลูกฝังให้เด็กรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยต้องปลูกฝังตั้งแต่เล็ก ๆ
“การเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์เราต้องมาทบทวนเนื้อหากันใหม่ ต้องให้ทันสมัย ส่วนที่รมว.ศึกษาธิการ ต้องการให้เพิ่มสัดส่วนวิชาประวัติศาสตร์ และหน้าพลเมืองในการสอบเข้า ม.1 และ ม.4 นั้น ก็อยู่ในสัดส่วนเดิมในสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา แต่จะเน้นเรื่องของภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง มากขึ้น และเท่าที่ผมดูแล้วคิดว่า คงไม่ใช่แค่สอบเข้าเท่านั้น แต่จะใช้ในการสอบจบของเด็กด้วย เพราะถ้าเด็กเรียนแล้วไม่ได้สอบเขาก็จะไม่ตั้งใจเรียน แม้แต่การสอบบรรจุครู หรือ การเข้าสู่ตำแหน่งต่าง ๆ ทั้งผอ. หรือ รอง ผอ.สถานศึกษา ผอ.เขตพื้นที่ฯ ก็มีข้อสอบวิชาเหล่านี้อยู่ด้วยแล้ว นอกจากนี้ผมกำลังคิดต่ออีกว่า อาจจะต้องรื้อฟื้นข้อสอบอัตนัย โดยเพิ่มสัดส่วนข้อสอบอัตนัยในการสอบทุกประเภทเข้ามาด้วย เพราะการเขียนจะทำให้เด็กเกิดความคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ แต่ถ้าเป็นข้อสอบปรนัยบางทีเด็กอาจจะไม่ได้อ่านคำถามด้วยซ้ำ กาอย่างเดียว ไม่ได้เกิดความคิด วิเคราะห์ เพราะฉะนั้นต้องทำให้ครบทั้งฟัง พูด อ่านเขียน โดยผมให้นโยบายไปแล้วให้ฝ่ายวิชาการไปคิดถึงเรื่องสัดส่วนข้อสอบระหว่างปรนัย กับ อัตนัย ซึ่งอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะให้ทำ 50 : 50”เลขาธิการกพฐ.กล่าว