เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อสรรหาและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน สกสค. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 17 – 29 ตุลาคม 2568 นั้น หลังจากปิดรับสมัคร ปรากฎว่า มีผู้ให้ความสนใจสมัครเข้ารับการสรรหาทั้งสิ้น 381 ราย นับเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบุคลากรในระบบการศึกษาและผู้มีประสบการณ์ด้านบริหารต่อบทบาทของ สกสค. ในการดูแลคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของครู
เลขาธิการ สกสค. กล่าวต่อไปว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ คณะอนุกรรมการบริหารทรัพยากรบุคคล (อกบ.) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานการศึกษาระดับประเทศและผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและการบริหารงานบุคคล ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายชัยศักดิ์ อ่อนประดิษฐ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล และนายวัชรินทร์ จำปี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน สกสค. จังหวัดฯ โดยมี ดร.ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เป็นประธาน จะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครอย่างละเอียด ก่อนประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือก จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาประวัติการทำงาน อายุราชการ ประวัติทางวินัย พฤติกรรมทางจริยธรรม ผลงานที่ผ่านมา รวมถึงแนวคิดและวิสัยทัศน์ในการพัฒนางานและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของสำนักงาน สกสค. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร
“ทุกขั้นตอนจะดำเนินการอย่างโปร่งใส มีมาตรฐาน และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสม มีคุณธรรม ความสามารถ และความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อครูไทย พร้อมระบุว่าการคัดเลือกครั้งนี้ไม่เพียงเป็นกระบวนการสรรหาผู้บริหาร แต่คือการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศว่า สกสค. มุ่งมั่นยกระดับการดูแลสวัสดิการครูในทุกมิติด้วยความรับผิดชอบและมาตรฐานสูงสุด ตามนโยบาย “ลดภาระ ดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความสุข” ทั้งนี้เมื่อดำเนินการตามกระบวนการครบถ้วนแล้ว จะประกาศวันสัมภาษณ์และผลการสรรหาในลำดับถัดไป เพื่อให้ทุกขั้นตอนสะท้อนความโปร่งใสและความพร้อมก้าวสู่ยุคการบริหารงาน สกสค. ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ครู และยืนหยัดเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของวงการศึกษาไทยต่อไป”เลขาธิการ สกสค.กล่าว
 
                






