เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 นายพีระ  รัตนวิจิตร  รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยกรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหลักฐาน เป็นภาพถ่ายของข้าราชการครู พร้อมแผ่นดีวีดี คลิปเสียง และบัญชีการโอนเงิน ของกลุ่มผู้กระทำการส่อทุจริตคอรัปชั่น หลอกลวงว่าสามารถช่วยให้บุตรหลานสอบเป็นข้าราชการครูในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)แต่ต้องจ่ายเงิน 650,000 บาท ทั้งนี้ตนได้รับมอบหมายจากนายสุเทพ ชิตยวังษ์ เลขาธิการกพฐ. ให้เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง

นายพีระ กล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา (สพป.) สุรินทร์ เขต 2 ซึ่งจะใช้นามสมมติของคนที่อยู่ในขบวนการหลอกลวงช่วยเหลือการสอบครู สังกัด สพฐ.ว่าชื่อ นายน้ำ , ครู ม.และครู ด.โดยครู ม.ให้ข้อมูลว่า นายน้ำได้รู้จักตนมานานแล้ว และอ้างว่ารู้จักกับนายใหญ่ที่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ สามารถนำข้อสอบออกมาได้ แต่ยังไม่รู้ว่านายใหญ่คนนั้นเป็นใคร ส่วนนายน้ำ ตนเห็นเพียงภาพถ่ายซึ่งไม่เคยรู้จักเลย และไม่ใช่ข้าราชการใน จ.สุรินทร์ เพราะไม่มีใครรู้จัก

“จากการสืบสวนข้อเท็จจริงทราบว่า ครู ม.และนายน้ำ ได้ร่วมมือกัน โดยนายน้ำจะบอกว่ารู้จักผู้ใหญ่ใน ศธ.ถ้าจ่ายเงินรายละ 650,000 บาท จะสอบเข้ารับราชการได้ ไม่ต้องอ่านหนังสือ ไม่มีการติว ขอให้เข้ามาสอบให้ครบกระบวนการ ผู้ใหญ่ก็จะช่วยให้เข้ารับราชการได้ ส่วนครู ด.จะเป็นนายหน้าติดต่อเด็ก เพราะครู ด.ก็จะมีเครือข่ายนายหน้าอีกทอดหนึ่งกระจายไปอีกหลายคน ซึ่งมีทั้งข้าราชการครูที่เกษียณไปแล้ว และเป็นข้าราชการในสังกัด สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) คนกลุ่มนี้จะพยายามหาเด็กที่จบแล้ว และยังไม่มีงานทำ หรือกลุ่มลูกจ้าง พนักงานราชการ โดยให้ข้อมูลว่า ครู ด.รู้จักผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาฯ สามารถทำให้เข้ารับราชการได้ แต่ต้องจ่ายค่ามัดจำ 50,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้นี้ จะถูกแบ่งเป็นค่าจ้างให้กับผู้ประสานงานที่เป็นครู และผู้ที่เกษียณฯ แล้ว รายละ 1 หมื่นบาท ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นลักษณะคล้ายๆ ตกเบ็ด ถ้าใครสอบได้ก็ตามน้ำ ทำเหมือนได้รับความช่วยเหลือ ผู้ปกครองก็ต้องจ่ายเพิ่มให้อีก 600,000บาท ส่วนใครที่สอบไม่ได้ ก็คืนเงินมัดจำให้ โดยครู ด.มีเทคนิคทำให้ผู้เสียหายเชื่อถือโดยการทำสัญญาเงินกู้ ให้ผู้เสียหายเป็นเจ้าหนี้ คล้ายกับการทำประกันไว้ว่าถ้าสอบไม่ได้ก็จะคืนเงินให้ ไม่เสียหายอะไร แต่เนื่องจากมีเด็กที่สอบไม่ได้ เรื่องทั้งหมดจึงแดงขึ้น

รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม จากผลการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล ดังนั้น ข้าราชการครูทั้ง 2 คน คือครู ม.กับครู ด.ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง จึงมอบหมายให้สพป.สุรินทร์ เขต  ตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรงแล้ว โดยมีอายุความดำเนินการสอบให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ส่วนที่มีการกล่าวอ้างถึงผู้ใหญ่ ก็ไม่มีข้อมูล เพราะนายน้ำไม่ได้บอกว่าผู้ใหญ่เป็นใคร และเท่าที่ดูจากรูปนายน้ำแล้ว ไม่ใช่ข้าราชการส่วนกลางของ สพฐ.และครู ม.อ้างว่าเคยพบนายน้ำเป็นติวเตอร์อยู่แถวหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนภาพถ่ายสถานที่ประชุมผู้ปกครองก็เป็นห้องอาหารแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ เป็นห้องอาหารที่ดีที่สุด ไม่ใช่พื้นที่ราชการ รวมถึงยังได้มีการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ เรื่องนี้ สพฐ.ถือเป็นผู้เสียหายด้วย คงต้องดูข้อกฎหมาย หากทำให้เสื่อมเสียทางราชการ ก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีนายน้ำได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะต้องหารือกับนิติกรสพฐ.ก่อน เพราะกรณีนี้ถือว่าเป็นคดีฉ้อโกง หลอกลวง

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments