ดร.ชุมพล  พรประภา นายกสมาคมสภามหาวิทยาลัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมาคมสภามหาวิทยาลัย (ประเทศไทย)หรือ สสมท. ได้จัดเสวนาประจำปี ครั้งที่ 3 เรื่อง ‘ทางรอดอุดมศึกษาไทย’  เพื่อให้คณะกรรมการสภาสถาบันอุดมศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและผู้สนใจ รับฟัง แสดงความคิดเห็น และหาทางออกเพื่อการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาและระบบอุดมศึกษาไทยให้มีความเข้มแข็ง สอดรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและโลกในปัจจุบัน โดยการจัดเสวนา ครั้งนี้  ได้รับเกียรติจาก ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม และผู้บริหารจากสถาบันต่าง ๆ เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้ด้วย

     ทั้งนี้  ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์  ประธานสถาบัน ทีดีอาร์ไอ. บรรยาย “อุดมศึกษาไทย ณ จุดเปลี่ยน” กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและการก้าวกระโดดของเทคโนโลยี “เทคโนโลยีเปลี่ยน คู่แข่งเปลี่ยน ลูกค้าก็เปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน” และการที่ลูกค้าเปลี่ยน เป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า ปัญหาหลักของหลายมหาวิทยาลัยคือการปรับตัวไม่ทัน และยึดติดกับวัฒนธรรมแบบราชการ และเชื่อว่าเรื่องของการบริหารจัดการที่ดี การคัดกรองกำลังทั้งบุคลากร นักศึกษา จะต้องเข้มข้น เป็นระบบและได้รับการส่งเสริมต่อเนื่อง รวมถึงงบประมาณ จะทำให้มหาวิทยาลัยขยับเข้าสู่การปรับตัวต่อไปได้ และต้องเรียนรู้ ร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศเพื่อการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นต่อไป

     นายทนง โชติสรยุทธ์ ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนและผู้อำนวยการโรงเรียนเพลินพัฒนา กล่าวว่า อุดมศึกษาไทยถูกคาดหวังหลายเรื่อง เช่น สมรรถนะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 ความต้องการของตลาดแรงงงานและภาคอุตสาหกรรม ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไทยแลนด์4.0 และความเชื่อมั่นการจัดอันดับทั้งในและต่างประเทศ และภารกิจของอุดมศึกษาจะต้องบูรณาการให้เชื่อมโยงกัน 3 เรื่อง คือ Education-การศึกษา Research-วิจัย และ Services-การให้บริการ ขณะที่ รศ.ดร.พร้อมพิไล  บัวสุวรรณ หัวหน้าภาควิชา ภาควิชาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เน้นย้ำถึงการทำความเข้าใจของระบบนิเวศทางการศึกษา บทบาทของครูและอาจารย์ต้องเปลี่ยนเป็นผู้ให้คำปรึกษาและต้องรู้จักเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากขึ้น ส่วนแนวทางของอุดมศึกษาต้องมุ่งไปที่อนาคต รวมถึงต้องทำให้ทุกการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ง่าย

     นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติ จาก ศ.นพ.จรัส  สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ) บรรยายพิเศษ “ทางรอดของอุดมศึกษาไทย” ว่า การผลิตบัณฑิตในประเทศไทยยังขาดการวางแผนมคภาค และไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลสาธารณะในการนำมาประกอบใช้ และได้ย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาว่า “การศึกษาเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” และความคาดหวังต่อกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้พ้นจากสภาพการณ์ในปัจจุบันนี้ “ทุกมหาวิทยาลัยต้องบริหารจัดการ ปฏิรูปการศึกษาของตัวเอง เพื่อเป็นต้นแบบที่ดี แล้วนำไปเสนอ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า”

     ช่วงท้ายเป็นการสนทนาพิเศษหัวข้อ “กระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม : ทางรอดของอุดมศึกษาไทย” โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศ.(พิเศษ) ดร. ภาวิช ทองโรจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม และอุปนายก สสมท. และนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัย์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมี นายสุทธิชัย หยุ่น เป็นผู้ดำเนินการสนทนา สรุปว่า “หน่วยงานเกี่ยวกับวิจัยของประเทศมีความหลากหลายและซ้ำซ้อน จึงต้องควบรวมใหม่ตามนโยบายการปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งกระทรวงใหม่นี้จะเน้นการสร้างองค์ความรู้และสร้างคน เตรียมคนไทยสู่ศตวรรษ 21 และยกขีดความสามารถของนวัตกรรม เพราะนวัตกรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจสังคมฐานนวัตกรรม”

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments