เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 ก.ค. ที่สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา( กยศ.) อาคาร AIA Capital Center รัชดา กรุงเทพฯ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ.  น.ส.วิภา บานเย็น ครูผู้ค้ำประกันให้เด็กกู้กยศ.และ ถูกยึดทรัพย์ และ นางเพ็ญรวี มาแสง  โฆษกกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม  แถลงข่าวเรื่อง “ครูค้ำประกันผู้กู้ กยศ. ถูกยึดทรัพย์” โดยนายชัยณรงค์ กล่าวว่า ตอนมีผู้กู้ยืมกยศ.ทั่วประเทศ จำนวน 5.4 ล้านราย รวมเป็นเงิน 5.7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นผู้กู้ยืมที่กำลังศึกษาหรืออยู่ในช่วงปลอดหนี้ 1 ล้านราย ผู้กู้ยืมที่ชำระหนี้หมดแล้ว 8 แสนราย ผู้กู้ยืมที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ 5 หมื่นราย ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.5 ล้านราย รวมเป็นเงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีกลุ่มผิดนัดชำระหนี้ แต่ยังไม่ถูกดำเนินการดคี 1.2 ล้านราย รวมเงิน 2 หมื่นล้านบาท และกลุ่มผิดนัดที่ถูกดำเนินคดี 1 ล้านราย รวมเป็นเงิน 4.8 หมื่นล้านบาท และมีผู้ถูกฟ้องร้องแล้ว 1.2 ล้านคดี ปีนี้ฟ้องไปอีกประมาณ 1 แสนกว่าคดี และซึ่งกลุ่มนี้จะเข้าสู่การกระบวนการบังคับคดีต่อไป

นายชัยณรงค์ กล่าวว่ กรณี ครูวิภา กยศ.ได้ตรวจสอบสถานะแล้ว พบว่าครูวิภาได้ค้ำประกันให้แก่นักเรียนที่เป็นผู้กู้ยืมตั้งแต่ปี 2541-2542 จำนวน 60 ราย  จากจำนวนดังกล่าวมีผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว  29 ราย  ชำระหนี้ ตามปกติ 10 ราย ถูกฟ้องดำเนินคดีทั้งสิ้น 21 ราย ในจำนวนคดีที่ถูกฟ้องร้องมี การยึดทรัพย์แล้ว 4 ราย  ซึ่งทั้ง 4 รายนี้ ครูวิภาได้มาชำระหนี้ในส่วนที่ค้ำประกันเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งกองทุนจะดำเนินการถอนฟ้อง 4 ราย  ส่วน 17 ราย อยู่ระหว่างขั้นตอนของการบังคับคดี  คิดเป็นเงินต้นที่ค้ำประกันประมาณ 190,000 บาท

ผู้จัดการ กยศ. กล่าวต่อไปว่า  สิ่งที่ กยศ.จะดำเนินการจากนี้คือยื่นขอระงับการบังคับคดีเเละการขายทอดตลาดทรัพย์ของครูวิภาไว้เป็นการชั่วคราว เพื่อให้คดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ในชั้นบังคับคดี   ขณะเดียวกัน กยศ.ก็จะเร่งสืบทรัพย์เเละติดตามอดีตลูกศิษย์ 17 ราย หรือผู้ค้ำประกันรายอื่น เพื่ออายัดเงินเดือนหรือนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้คืนให้แก่ กยศ.  ซึ่งการสืบทรัพย์นั้นกยศ.จะหาข้อมูลผู้กู้ยืม 17 ราย จากที่อยู่เเละเบอร์โทรศัพท์ของลูกหนี้ เพื่ออายัดเงินเดือนเเละยึดทรัพย์ หาก17 ราย ทำงานกับหน่วยงานราชการ กยศ.ก็สามารถหักเงินเดือนได้ภายในสิ้นปี2561 แต่ถ้าทำงานภาคเอกชนก็จะสามารถหักได้ในช่วงต้นปี 2562 อย่างไรก็ตาม เเต่หากสืบทรัพย์แล้วลูกหนี้ไม่มีเงินหรือทรัพย์  ครูวิภาก็ต้องชำระหนี้ตามกฎหมายตามเดิม

“เรื่องนี้ ก็น่าเห็นใจครูวิภา และขออภัยที่ทำให้ครูไม่สบายใจ แต่ทั้งนี้ เมื่อเด็กขาดแคลน กยศ.ก็ให้โอกาส กู้ยืมเงิน ดังนั้นหากทั้ง 17 คน มีรายได้แล้วก็ขอโปรดนำเงินมาชำระคืนกยศ.  เพื่อแบ่งเบาภาระให้ครู และส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่รุ่นน้อง หรือถ้าไม่มีเงินจะจ่ายคืนก็ให้มาติดต่อ กยศ. เพื่อเจรจากัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในการปล่อยเงินกู้ยืม กยศ.นั้นจะดูเพียงแค่เรื่องการขาดแคลน ไม่ได้ดูว่าผู้ค้ำประกันจะมีความสามารถในการจ่ายเงินคืน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กยศ. จะต้องกลับมาดูว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมในการติดตามหนี้อย่างไรบ้าง เช่น การกำหนดว่าผู้ค้ำประกันนั้นสามารถที่จะค้ำประกันให้แก่ผู้กู้ได้กี่คน  และ จำนวนเงินที่จะให้กู้ เป็นต้น”นายชัยณรงค์ กล่าว

ด้านครูวิภา  กล่าวว่า หลังจากที่ถูกยึดบ้านเเละที่ดิน ตนก็ได้ไถ่คืนแล้ว และจะไม่ยอมมรดก พ่อแม่ ถูกยึดอีกแน่นอน แม้ว่ากยศ.จะยืนยันว่าจนถึงสิ้นปีนี้ จะไม่มีหมายศาลมาหาตน แต่ตนก็

ยังเครียดเพราะปีต่อไปก็ยังมีอีก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะกลัวจะเป็นบุคคลล้มละลาย เพราะขณะนี้ก็ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆไม่ได้ ขณะเดียวกันได้ยื่นหนังสือถึง กยศ.เพื่อขอให้เปลี่ยนภาระหนี้ไปยังผู้กู้หรือผู้ปกครอง เพราะได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวและมรดกมาจ่ายหนี้แทน 

“หลังจากที่เป็นข่าวก็มีลูกศิษย์ 2 ใน 4 ราย โทรศัพท์มาขอโทษ ที่ทำให้ครูเดือนร้อน และจะผ่อนเงินให้ครูเดือนละ 5,000  บาท  ซึ่งครูก็แนะนำให้ไปติดต่อที่ทางธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้ตนก็ไม่มั่นใจว่าลูกศิษย์จะคืนเงินจริงหรือไม่ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรจะมายืนยันได้”ครูวิภา กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างที่มีการแถลงข่าวนั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าครูวิภาจะฟ้องดำเนินคดีกับลูกศิษย์ 4 ราย หรือไม่  ซึ่งครูวิภาก็สะอื้นก่อนจะตอบว่า “ ด้วยความเป็นครู ไม่มีครูคนไหนอยากทำร้ายลูกศิษย์ ขอให้นักเรียนมาคุยกับครูว่าจะคืนเงินครูอย่างไร และส่วนตัวครู ก็ไม่อยากฟ้องร้องลูกศิษย์ เพราะเขาคือลูกศิษย์  ครูไม่โกรธที่ลูกศิษย์ทำกับครู  แต่รู้สึกน้อยใจ เมื่อลูกศิษย์มีงานทำ มีความพร้อมมีรายได้แล้ว จะแก้ปัญหาให้กับครูคนนี้อย่างไร” น.ส.วิภา กล่าว

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments