เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผย กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพทางโซเชียลและเป็นข่าวในโทรทัศน์ต่าง ๆ ซึ่งในคลิปวิดีโอ เป็นเด็กนักเรียนกำลังสูบกัญชา โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(สป.) โดยเบื้องต้นตนได้รับรายงานจาก สช.ว่า นักเรียนได้ไปซื้อใบกัญชา ที่ตลาดนัดไพรบึง เป็นใบสดสีเขียวๆ จำนวนเงิน 40 บาท แล้วนำไปตากแดดไว้ที่บ้านอยู่หลายวันเพื่อให้กัญชาแห้ง แล้วนำมาโรงเรียน ชวนเพื่อนอีก 4 คน มาสูบช่วงพักกลางวัน หลังอาคารหอประชุม โดยการทำอุปกรณ์การสูบที่ดูจากโซเชียล เป็นการทคลองสูบครั้งแรก อย่างไรก็ตามหลังจากที่โรงเรียนทราบจากคลิปที่แชร์กันในโซเชียล จึงได้สอบถามนักเรียนและได้แจ้งผู้ปกครองได้ทราบและเชิญเข้าร่วมประชุมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ครูและผู้ปกครองจึงได้ร่วมกันอบรม และปรึกษาหารือในแนวทางการป้องกัน ส่วนนักเรียนที่ผู้ปกครองไม่สามารถเดินทางมาได้ โรงเรียนได้ส่งครูไปแจ้งที่บ้านพูดคุยและทำความเข้าใจตลอดจนกำชับให้ผู้ปกครองช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองก็รับปากว่าจะช่วยกำชับดูแลเอาใจใส่ ให้มากขึ้น ส่วนครูจะเพิ่มการดูแลในพื้นที่ โดยรอบโรงเรียนและวัดให้มากขึ้น ส่วนนักเรียนก็รับปากว่าจะไม่ทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก
ปลัดศธ.กล่าวต่อไปว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เราได้ออกประกาศแนวทางปฏิบัติเรื่องดังกล่าวแล้ว ทำไมมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ตนได้เชิญผู้บริหาร สช.และผู้บริหารของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)มาประชุมหารือร่วมกัน ในการออกแนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพื่อเตรียมการรับมือเรื่องของสารเสพติด และสารที่มีผลต่อจิตประสาท ถึงแม้ว่ากัญชาจะไม่ได้อยู่ในสารเสพติดแล้วก็ตาม ซึ่งจากการประชุมร่วมกัน สรุปคร่าว ๆ ได้ว่า ตอนนี้เราจะเห็นข้อผิดพลาดครั้งนี้ได้อย่างชัดเจนว่า ระบบการดูแลพื้นที่ในโรงเรียนยังไม่ดีพอ เพราะมีพื้นที่ ที่โรงเรียนไม่สามารถดูแลได้ การตรวจตราดูแลของครูยังไม่ดีพอ ซึ่งจะสังเกตได้ว่ากัญชามีกลิ่น แต่ทำไมไม่มีใครได้กลิ่น และเห็นถึงความผิดปกติ ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้เราจะต้องมีแผนเผชิญเหตุในกรณีเด็กใช้สารเสพติด หรือใช้สารที่มีผลต่อจิตประสาท เราจะรับมือกันอย่างไรเมื่อตรวจเจอ ซึ่งจะต้องประสานกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)และกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)แต่ครั้งนี้เด็กไปซื้อกัญชาจากตลาด ซึ่งเรื่องนี้หน่วยปกครองก็ต้องเข้ามาดูด้วย เพราะมีการขายกัญชาให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งนี้การสร้างความตระหนักในสถานศึกษาก็มีความจำเป็น เพราะเด็กเรียนรู้จากข้างนอก ดังนั้นสถานศึกษาก็ต้องสอนเรื่องคุณและโทษของสารเหล่านี้ ซึ่ง สธ.ก็บอกแล้วว่ามันทำลายสมอง อาจเกิดการหลอนของจิตประสาทได้
“ผมคิดว่าสถานศึกษาจะต้องมีการคัดแยกเด็กกลุ่มเสี่ยงสอนวิธีการป้องกันตัวเอง ซึ่งครูจะต้องรู้ว่านักเรียนคนไหนเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่เสี่ยง และต้องตรวจตราพื้นที่รอบโรงเรียนด้วยว่ามีสารเหล่านี้อยู่รอบ ๆ โรงเรียนหรือไม่ ที่สำคัญต้องประสานและใกล้ชิดผู้ปกครองให้มากขึ้นกว่านี้ ทั้งนี้ตนจะร่างหนังสือถึงแนวปฏิบัตินี้ให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามเพื่อประกาศเป็นแนวปฏิบัติให้กับสถานศึกษาต่อไป”ดร.สุภัทร กล่าว