นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น .. 2561 ลงนามโดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ว่า เนื่องจากพ...การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น .. 2559 ในมาตรา 6 กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ดังนั้น ศธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในกำกับจึงได้ดำเนินการจัดทำกฎกระทรวงฯฉบับนี้ขึ้น โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้สถานศึกษาทุกระดับ ได้แก่ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา จัดการเรียนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา และทักษะชีวิตให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียนนักศึกษา
นายชลำ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ กฏกระทรวงดังกล่าว ยังกำหนดให้จัดหาและพัฒนาผู้สอน ให้มีความรู้ความสามารถ มีทัศนคติที่ดี มีทักษะการสอนที่เหมาะสม เข้าใจจิตวิทยาการเรียนรู้ของนักเรียนหรือนักศึกษา ที่สอดคล้องกับการจัดการศึกษารวมถึงพัฒนาการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ หรือคณะหรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้และสามารถสอนเพศวิถีศึกษา,พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อีกประการสำคัญ สถานศึกษาทุกระดับ ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้ออกจากสถานศึกษา เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ต้องจัดระบบการดูแล ช่วยเหลือ และคุ้มครองที่เหมาะสมและต่อเนื่อง
ในกฎกระทรวงฯฉบับนี้บัญญัติไว้ชัดเจนว่าถ้ามีกรณีเด็กตั้งครรภ์ในโรงเรียนห้ามไม่ให้ออกจากสถานศึกษาเด็ดขาด ต้องให้อยู่ในสถานศึกษานั้น  จนกว่าจะจบเว้นแต่เป็นความสมัครใจของเด็กที่ย้ายออก และต้องวางระบบการดูแล ปรับรูปแบบการเรียนการสอน เช่น กิจกรรมในชั้นเรียนบางอย่างก็ต้องปรับให้เหมาะสมกับนักเรียน นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประสานและส่งต่อให้เด็กได้รับการดูแลด้านสวัสดิการสุขภาพ เพราะฉะนั้น จากนี้ถ้ามีสถานศึกษาใดให้เด็กออกเพราะตั้งครรภ์ก็จะมีความผิดแน่นอน เพราะมีกฎหมายชัดเจน เว้นแต่เด็กสมัครใจย้ายออกเอง หรือเด็กจะขอใช้สิทธิในการพักการเรียนก็ทำได้ เช่น หยุดพักการเรียนระหว่างการตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอดทั้งในช่วงก่อนคลอดเมื่อครบกำหนดก็กลับเข้าสู่ระบบการเรียนปกติ ทั้งนี้ ซึ่งยืนยันว่า ศธ.ไม่เคยมีนโยบายให้เด็กที่ตั้งครรภ์ออกจากสถานศึกษา หรือผลักดันเด็กออกนอกระบบนายชลำ กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงฯ จะมีผลบังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วันเพราะฉะนั้น ศธ.จะต้องดำเนินการจัดทำคู่มือและแนวปฏิบัติให้แก่โรงเรียนต่อไป”ส่วนกรณีเด็กประพฤติตัวไม่เหมาะสม เช่นรุมทึ้งน้องของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยานั้น ก็ให้สถานศึกษาพิจารณาโทษเป็นกรณีไป

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments