เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2566 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้ความผิด นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และพวก ในคดีโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง(SP.2) ประจำปีงบประมาณ 2553-2555 ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยข้อกล่าวหาในส่วน นางสาวนริศรา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงเอกฉันท์ชี้มูลความผิด
ซึ่ง ล่าสุด นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และพวก ในคดีโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง (SP.2) ประจำปีงบประมาณ2553-2555 จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอส่งสำนวนไต่สวน พยานเอกสารหลักฐานต่างๆให้อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อฟ้องร้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า ผู้ถูกกล่าวหารายอื่นที่ถูกชี้มูลด้วยมีจำนวนมากถึงหลักร้อยคนหรือไม่นั้นนายนิวัติไชย ตอบว่า “น่าจะถึง“
“ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรอรับรองรายงานที่ประชุมและยังไม่เห็นสำนวนรายละเอียดทั้งหมด ต้องรอให้มีการรับรองรายงานการประชุมเรียบร้อยก่อนถึงจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้” นายนิวัติไชยระบุ
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา ยังระบุว่าเคยเสนอข่าวไปในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ว่า ป.ป.ช.มีการรับเรื่องไต่สวนคดีนี้เป็นทางการ ระบุข้อกล่าวหาว่า มีการร่วมกันกำหนดวงเงินงบประมาณให้กับสถานศึกษา โดยมีเงื่อนไขหัก 1% ของงบประมาณที่ได้รับ สถานศึกษาใดยอมรับจะได้รับการจัดสรรงบตั้งแต่ 30 ล้านบาทจนถึง 99 ล้านบาท หากไม่ยอมรับเงื่อนไขจะได้รับการจัดสรรเพียง 3 แสนบาท จนถึง 2 ล้านบาท ทำการติดต่อพ่อค้าให้เข้ามาตกลงเรื่องการจ่ายเงินเปอร์เซ็นต์ รวม 30%โดยเม็ดเงินทั้งหมดจะรวบรวมนำส่งให้กับผู้ถูกกล่าวหาบางราย
ส่วนในการเสนอสำนวนไต่สวนให้ที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องนั้น ในชั้นคณะกรรมการไต่สวน มีการสรุปจำนวนผู้ถูกกล่าวหามากกว่า190 ราย มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน แต่ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลเป็นทางการว่า ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดด้วยจำนวนกี่ราย
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
(ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org))
ทั้งนี้ ทาง เว็บไซต์ www.focusnews.in.th ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวว่า เมื่อเดือนกันยายน 2553 เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) ขณะนั้น ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) แต่งตั้ง คณะกรรมการดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อครุภัณฑ์ โดยวิธีประกวดราคา ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 : ไทยเข้มแข็ง 2555 ประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2553 ลงวันที่ 10 กันยายน 2553 โดยคำสั่งดังกล่าวได้แต่งตั้งคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ตามขั้นตอนดังนี้
1.คณะกรรมการอำนวยการและร่างขอบเขต TOR จำนวน 7 คน
2. คณะกรรมการประกวดราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งเป็นคณะกรรมการครุภัณฑ์กลุ่มต่าง ๆ จำนวน 20 กลุ่ม ได้แก่ 2.1 ครุภัณฑ์กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์พื้นฐาน จำนวน 7 คน 2.2 ครุภัณฑ์กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนชั้นสูง จำนวน 7 คน 2.3 ครุภัณฑ์กลุ่มไฟฟ้ากลุ่มอีเล็กทรอนิกส์ กลุ่มครุภัณฑ์ กลุ่มปิโตรเคมีจำนวน 7 คน 2.4 ครุภัณฑ์กลุ่มแม่พิมพ์ จำนวน 7 คน 2.5 ครุภัณฑ์กลุ่มเหล็กกล้า และครุภัณฑ์กลุ่มมาตรวิทยา จำนวน 7 คน 2.6 ครุภัณฑ์กลุ่มโลจิสติกส์ จำนวน 7 คน 2.7 ครุภัณฑ์กลุ่มยางและโพลิเมอร์ จำนวน 7 คน 2.8 ครุภัณฑ์กลุ่มสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน จำนวน 7 คน 2.9 ครุภัณฑ์กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ก่อสร้างและโยธา จำนวน 7 คน2.10 ครุภัณฑ์กลุ่มอาหารและโรงแรม จำนวน 7 คน 2.11 ครุภัณฑ์กลุ่มท่องเที่ยวสปาและบริการสุขภาพ จำนวน 6 คน 2.12 ครุภัณฑ์กลุ่มแฟชั่น กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้า จำนวน 5 คน 2.13 ครุภัณฑ์กลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ จำนวน 7 คน 2.14 ครุภัณฑ์กลุ่มเทคโนโลยีความงาม จำนวน 6 คน 2.15 ครุภัณฑ์กลุ่มประมง จำนวน 7 คน 2.16 ครุภัณฑ์กลุ่มเครื่องหนัง จำนวน 5 คน 2.17 ครุภัณฑ์กลุ่มเซรามิกส์และศิลปกรรมจำนวน 5 คน 2.18 ครุภัณฑ์กลุ่มหลักสูตรนานาชาติ จำนวน 5 คน 2.19 ครุภัณฑ์กลุ่มวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ จำนวน 5 คน 2.20 ครุภัณฑ์กลุ่มประจำศูนย์บ่มเพาะอาชีพกลุ่มคนพิการ จำนวน 5 คน
3. คณะกรรมการตรวจรับ 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ประกอบด้วย ครุภัณฑ์กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์พื้นฐาน , กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนชั้นสูง , กลุ่มไฟฟ้า กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มปิโตรเคมี , กลุ่มโลจิสติกส์ จำนวน 5 คน กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วย ครุภัณฑ์กลุ่มแม่พิมพ์ , กลุ่มเหล็กกล้าและกลุ่มมาตรวิทยา, กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ก่อสร้างและโยธา จำนวน 5 คน กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วย ครุภัณฑ์กลุ่มยางและโพลีเมอร์ , กลุ่มสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน, กลุ่มอัญมณีเครื่องประดับ ,กลุ่มประมง จำนวน 5 คน กลุ่มที่ 4 ประกอบด้วย ครุภัณฑ์กลุ่มเทคโนโลยีความงาม, กลุ่มแฟชั่น , ตัดเย็บเสื้อผ้า จำนวน 5 คน กลุ่มที่ 5 ประกอบด้วย ครุภัณฑ์ กลุ่มเครื่องหนัง ,กลุ่มเซรามิกส์และศิลปกรรมจำนวน 5 คน และ กลุ่มที่ 6 ประกอบด้วย ครุภัณฑ์ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพหลักสูตรนานาชาติ ,ครุภัณฑ์จัดตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ,ครุภัณฑ์ จัดตั้งศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการเพื่อคนพิการ จำนวน 5 คน ทั้งนี้บางคนมีรายชื่อเป็นกรรมการมากกว่า 1 คณะ