เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2563 ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.)เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้ซักซ้อมมาตรการเปิดภาคเรียนในวันที 1 ก.ค.นี้ ว่า ในการเปิดภาคเรียนจะเน้นการเรียนที่โรงเรียนเป็นหลัก ซึ่งจากการสำรวจพบว่าโรงเรียนที่สามารถเปิดให้นักเรียนไปเรียนที่โรงเรียนครบทุกคนมีประมาณ 23,000 โรง ขณะที่กว่า 5,000 โรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ จะใช้วิธีเรียนแบบผสมผสาน เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมาก และผู้ปกครองก็มีความกังวลอยู่ อย่างไรก็ตามจากการประเมินตามแบบประเมินของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าทุกโรงเรียนผ่านเกณฑ์ สามารถเปิดเรียนได้
เลขาธิการกพฐ. กล่าวต่อไปว่า ในการเปิดเทอมสิ่งที่สพฐ.เน้นย้ำอย่างมากคือเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ตั้งแต่การเดินทางมาโรงเรียน เรื่องสุขอนามัยที่จะต้องเน้นเรื่องการล้างมือ การวัดอุณหภูมิ การใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การคัดกรองเด็กตั้งแต่หน้าโรงเรียน การรักษาระยะห่างในห้องเรียน โรงอาหาร การใช้คิวอาร์โค้ดไทยชนะ เพื่อติดตามทามไลน์ของนักเรียน โดยสิ่งสำคัญในการคัดกรองวัดอุณหภูมิตั้งแต่หน้าโรงเรียน หากพบว่าเด็กมีอุณหภูมิสูง เป็นไข้ มีความเสี่ยง ก็ให้ส่งต่อไปที่โรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจสอบว่ามีการติดเชื้อโควิด 19 หรือไม่ จะต้องไม่ให้เข้าไปในโรงเรียน
“อย่างไรก็ตามกรณีพบเด็กที่ไม่แสดงอาการ แต่ผ่านการคัดกรองเข้ามาในโรงเรียนแล้วมาพบภายหลังว่ามีเชื้อโควิด 19 ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสาธารณสุข ซึ่งโรงเรียนก็ต้องปิด 14 วัน เพื่อดูอาการเด็กคนอื่นด้วย ทั้งนี้ความกังวลใจของสพฐ.คือ หากต้องมีการปิดโรงเรียนต่อ เด็กจะเรียนได้ไม่เต็มที่ ถึงแม้จะมีการเรียนผ่านระบบออนไลนืและออนแอร์ แต่การเรียนรู้ก็จะไม่เต็มที่เหมือนเรียนในชั้นเรียน ซึ่งเรื่องนี้ สพฐงก็ได้มีการเตรียมวิธีการ หรือกระบวนการ สั่งงาน แจกใบงาน หรือโครงงานให้เด็ก เพื่อจะได้อ่านหนังสือ หรือเรียนเพิ่มเติมแล้ว”ดร.อำนาจกล่าว