“นิรุตต์”นำทัพอาชีวะอุดร จัดหลักสูตรเชื่อมโยงทุกสาขาอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี  ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขยายผลการเชื่อมโยงหลักสูตรให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ซึ่งเป็นการจับมือร่วมกันระหว่าง สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.)กับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) โดย ยกให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี เป็นวิทยาลัยฯนำร่องในการพัฒนาหลักสูตรให้เชื่อมโยงตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ (NQF) และตรงตามมาตรฐานอาชีพ เพื่อพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะและทักษะ สามารถทำงานได้ตรงตามความต้องการของโลกอาชีพตามบริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว    ของสถานการณ์โลกปัจจุบันและอนาคต เป็นไปตามแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ เพื่อพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ให้หลักสูตรมีความสอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ และขยายผลการดำเนินงานจากสาขาวิชานำร่องไปสู่ทุกสาขา

ดร.ศิริพรรณ ชุมนุม ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านการอาชีวศึกษา กล่าวว่า “กรอบคุณวุฒิแห่งชาติและคุณวุฒิวิชาชีพกับการจัดการอาชีวศึกษาคุณภาพสูง มีแนวทางการดำเนินงาน การนำระบบ Digitalization มาขับเคลื่อน การสร้างพลังร่วมภายในสถานศึกษา การจับมือกันเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เพื่อไปสร้าง Partnership กับเครือข่ายภายนอกที่เข้มแข็ง โดยสถานศึกษาต้องมี Micro Engagement คุณครูภายในสถานศึกษาเชื่อมโยงกับภาคสถานประกอบการภายนอกได้เข้ามาถ่ายทอดความรู้ภายในสถานศึกษา เติมเต็มอาชีพให้กับนักเรียน นักศึกษา เพื่อพัฒนาให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานีเป็นสถานศึกษาต้นแบบนำไปสู่สถานศึกษาคุณภาพสูง

ดร.กาญจนา หงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายการผลิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาและคณะทำงานฝ่ายเลขานุการของทีมประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการได้ขยายผลการดำเนินงานในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนของวิทยาลัยฯ นำร่อง ให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ ซึ่งเป็นที่ยอมรับเป็นไปตามหลักการของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติและกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนอย่างมีคุณภาพ

นายวณิชย์ อ่วมศรี ผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บรรยายพิเศษหัวข้อ “การพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนในยุคดิจิทัลและแนวทางการส่งเสริมความเป็นเลิศของสถานศึกษา” กล่าวและเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ให้เป็นคนไทย 4.0 มี 4 ด้าน คือ การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ทักษะด้านภาษา ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์/การคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม และทักษะด้านคุณธรรม

ดร.ศรายุทธ ทองอุทัย รองผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 บรรยายพิเศษหัวข้อ “ประสบการณ์เทียบเคียงหลักสูตรฐานสมรรถนะที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพตามแนวทาง “ทีมประเทศไทย”

ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ “การพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชา เพื่อการจัดการเรียนรู้สู่ Future Skill และโลกอาชีพแห่งอนาคต” และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี มีความพร้อมในการพัฒนาหลักสูตรทุกสาขาวิชา  ให้มีความเชื่อมโยงมาตรฐานอาชีพที่ทันสมัย เป็นไปตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะต้องเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน”

ในการนี้วิทยาลัยฯ ยังได้รับเกียรติให้บรรยายพิเศษหัวข้อ “มาตรฐานอาชีพ/มาตรฐานฝีมือแรงงานในสายอาชีพที่สอดคล้องกับสาขาวิชาที่เปิดสอนในวิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี” จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (ผ่านระบบออนไลน์) โดย  นางอุษา ศิริสนธิวรรธน ผู้อำนวยการกลุ่มงานกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงาน สำนักมาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานและ นางสาวพรภัทรา ฉิมพลอย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักขับเคลื่อนภารกิจพิเศษ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)

โดยหลังจากทุกสาขาวิชาได้วิเคราะห์โครงสร้างหลักสูตรและการนำมาตรฐานอาชีพ/มาตรฐานฝีมือแรงงานที่เกี่ยวข้องมาเชื่อมโยงหลักสูตรเรียบร้อยแล้ว มีการนำเสนอการเชื่อมโยงหลักสูตร โดยหัวหน้าสาขาวิชาหรือผู้แทนสาขาวิชา เป็น 13 กลุ่มสาขาวิชา ดังนี้

สาขาวิชาการบัญชี, สาขาวิชาการตลาด/การจัดการธุรกิจค้าปลีก, สาขาวิชาการจัดการสำนักงาน, สาขาวิชาคอมพิวเตอร์/สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล,สาขาวิชาธุรกิจการบิน, สาขาวิชาโลจิสติกส์/สาขาวิชาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน,สาขาวิชาภาษาต่างประเทศ/หมวดภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาการท่องเที่ยว/สาขาวิชาการโรงแรม/สาขาวิชาการจัดประชุมและนิทรรศการ, สาขาวิชาเทคโนโลยีแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย, สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ/สาขาวิชาการจัดการดูแลผู้สูงอายุ, สาขาวิชาการบริหารงานคหกรรมศาสตร์, สาขาวิชาคอมพิวเตอร์กราฟิก/สาขาวิชาดิจิทัลกราฟิก และ  สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ พร้อมกันนี้ผู้ทรงคุณวุฒิจาก 4 องค์กรหลัก โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (สคช.) ได้มีมีข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น เพื่อเติมเต็มการเชื่อมโยงหลักสูตรกับมาตรฐานอาชีพเป็นไปตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ด้วย

“ครูเหน่ง”รับทราบหนังสือลาออก”ธนพร”ส่วนจะรก.90วันหรือไม่ ขอดูมติบอร์ดสกสค.

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565  ที่วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง จ.ลำพูน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยกรณีนายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน สกสค.ว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการ เห็นแต่อยู่ในระบบ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะต้องนำเข้าบอร์ด สกสค.เพื่อพิจารณาและมีมติร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ต้องยึดสัญญาจ้าง และกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่นายธนพรบอกว่าลาออกแล้ว ตามสัญญาจ้างต้องรักษาการ 90 วัน เรื่องนี้ต้องเข้าไปดูระเบียบต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งตรงนี้ตนยังไม่ได้เข้าไปดู เพราะอยู่ระหว่างการตรวจราชการต่างจังหวัด

“ตรีนุช”กดปุ่มเปิดโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ เริ่มปี 65 สร้างโอกาสเด็กหลุดระบบการศึกษากลับมาเรียน

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ที่วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง .ลำพูน ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานในการเปิดโครงการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดึงเด็กยากจนเข้ากลับมาเรียน

..ตรีนุช กล่าวว่า โครงการนี้เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการพาน้องกลับมาเรียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างโอกาสทางการศึกษา และการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ให้ผู้ที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ขาดโอกาสทางการศึกษาได้เข้าศึกษาต่อในสายอาชีพ ตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการที่จะลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่ตกหล่น ซึ่งขณะนี้ตัวเลขเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษามีประมาณ 100,000 กว่า ที่เราจะต้องดึงเด็กเหล่านี้กลับมาเรียนต่อให้ได้ทั้ง100%

สอศ.ได้จัดเตรียมงบประมาณปีการศึกษา 2565 สำหรับโครงการนี้ไว้แล้ว โดยสามารถให้การสนับสนุนน้องๆ ที่สนใจเข้าเรียนทางสายอาชีพในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จำนวน 5,200 คน ในวิทยาลัยการอาชีพ และวิทยาลัยเกษตร  87 แห่งโดยเป็นการเรียนฟรี และมีที่พักมาตรฐานให้พักฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลา 3 ปีของการเรียน อีกทั้งยังสนับสนุนให้น้องๆ มีรายได้ผ่านการจัดทำโครงการหารายได้ระหว่างเรียน รวมถึงการหาแหล่งงานให้ทำภายหลังจบการศึกษาอีกด้วย คาดหมายว่าตลอด 10 ปีของโครงการ จะรับได้จำนวน 8 รุ่น จะมีน้องๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ประมาณกว่า 110,000 คน และภายใต้การดูแลของวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศรวม 169 แห่งรมว.ศึกษาธิการกล่าว

ด้าน ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่าสอศ.ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายศธ. ภายใต้โครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศหรืออาชีวะอยู่ประจำเรียนฟรี มีอาชีพโดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ปีการศึกษา2565 ได้คัดเลือกสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการรับผู้เรียนเข้าร่วมโครงการฯจำนวน 87 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถรับปริมาณนักเรียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้จำนวน 5,200 คน ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2566 เพิ่มสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการรับผู้เรียนเข้าร่วมโครงการฯ ให้ได้จำนวนรวมทั้งสิ้น 169 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน จำนวนรวมทั้งสิ้น 116,000 คน

เลขาธิการ สอศ. กล่าวต่อไปว่า โครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพเป็นการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาทุกช่วงวัย ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุน พัฒนาศักยภาพกำลังคน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมด้านคุณธรรม จริยธรรม ให้แก่นักเรียนสายอาชีพ ที่มีฐานะยากจนขาดโอกาสทางการศึกษา ในพื้นที่ห่างไกล ให้ได้รับการสนับสนุนทางด้านการศึกษา มีทักษะวิชาชีพ สามารถทำงานประกอบอาชีพได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้เรียน สร้างทางเลือกสำหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีความสนใจในการเรียนต่อสายอาชีพ

เด็กกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าร่วมโครงการ มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นเด็กที่ตกหล่นจากระบบการศึกษาไปแล้ว คือ จบม.3 แล้วไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งตกค้างมาหลายปี จะสามารถเข้ามาเรียนในโครงการนี้ได้ทั้งการศึกษานอกระบบและการศึกษาปกติ และ กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่กำลังจะจบ .3 ซึ่งจะเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กกลุ่มนี้ตกหล่นจากระบบการศึกษา เนื่องจากวิเคราะห์แล้วพบว่ามีเด็กที่คาดว่าจะตกหล่นจากระบบการศึกษาด้วยสาเหตุหลักคือเรื่องของฐานะทางครอบครัวที่ยากจน และความไม่พร้อมในการศึกษาถึงแม้จะมีโครงการเรียนฟรี15 ปี แต่ยังมีเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเรียน ทั้งค่าอาหารค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นอีก แต่โครงการนี้จะมีทั้งหอพักให้อยู่ฟรี มีอาหารเลี้ยง 3 มื้อและยังให้เด็กทำงานหารายได้ระหว่างเรียนอีกด้วยดร.สุเทพ กล่าว

ด้านนายธีรศักดิ์ อรุณวัชรพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพป่าซาง กล่าวว่าวิทยาลัยการอาชีพป่าซาง เน้นบริหารจัดการศึกษา ภายใต้แนวคิดการอาชีพเพื่อชุมชนที่ต้องการส่งเสริมให้เด็กที่มีต้นทุนชีวิตไม่มาก ได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อสายอาชีพ ซึ่งผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นชนเผ่าชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ม้ง อาข่า กะเหรี่ยง จากดอยสูงสู่การเรียนรู้ 7 สาขาวิชาอาชีพ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในศาสตร์ที่ผู้เรียนมีความสนใจ โดยวิทยาลัยการอาขีพป่าซาง เป็นวิทยาลัยที่ร่วมโครงการระยะแรก ขอให้ผู้ปกครองวางใจและเชื่อมั่นในการระบบการบริหารจัดการ หอพักวิทยาลัยฯทั้งความปลอดภัยและการเอาใจใส่ของครูพี่เลี้ยง ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตในทุกมิติ

“ธนพร” ไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับกระบวนการที่ไม่มีธรรมาภิบาล ขอลาออกจากเลขาฯสกสค.เอง

เมื่อวันที่ 21มกราคม 2565 นายธนพร สมศรีเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ทำหนังสือถึง ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ฐานะประธานคณะกรรมการสกสค.เพื่อลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. เพราะทราบดีว่าจะต้องถูกตั้งแง่ให้ถูกเลิกจ้าง จากการเสนอแผนการปฏิบัติงานปี 2565 ไม่ผ่าน

จริงๆแล้วผมเสนอแผนงานปี 2565 ไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 แต่รมว.ศึกษาธิการ ไม่เคยหยิบมาดูเลย จนเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ในการประชุมบอร์ด สกสค.ซึ่งมีการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค. ซึ่งไม่สามารถประเมินได้ ถึงได้นำเรื่องของแผนงานปี 2565 มาดู แต่ได้ส่งให้กลับมาแก้ภายใน 30 วัน โดยวันนี้เป็นวันที่ครบกำหนด 30 วัน จึงตัดสินใจยื่นหนังสือลาออก เพราะถึงส่งแผนงานไปก็ไม่ผ่านอยู่ดี เพราะฉะนั้นผมจะไม่ขอร่วมสังฆกรรมกับกระบวนการที่ไม่มีธรรมาภิบาล และไม่ส่งแผนงานปี 2565 ด้วย แต่ถ้าจะเอาเรื่องนี้มาเล่นงานว่าผิดสัญญาจ้างก็แล้วแต่ และในทางกฎหมายกระบวนการลาออกมีผลให้ผมรักษาการ 90 วันนายธนพรกล่าว

 

“ดิศกุล”ยอมรับพลาดเองเซ็นรับผลประเมิน 75% ด้าน “ตรีนุช”เล็งสรรหาเลขาธิการคุรุสภาคนใหม่

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 น..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนในฐานะประธานกรรมการคุรุสภา ได้ลงนามในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง ดร.ดิศกุลเกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อวันที่ 18 .. 2565 ได้พิจารณาผลการประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานของ ดร.ดิศกุล ในรอบปีงบประมาณ .. 2564 แล้วมีมติ เห็นชอบผลการประเมินตามที่คณะอนุกรรมการประเมินเสนอฯ โดยเห็นว่าผลการประเมินรอบปีงบฯ2564 เป็นการประเมินครอบคลุมการปฏิบัติงาน ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการคุรุสภา โดยผลการประเมินได้คะแนนร้อยละ 59.65 ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่ต้องผ่านร้อยละ 75 จึงถือได้ว่าไม่ผ่านการประเมินตามสัญญาจ้างเลขที่2/2563  จึงเป็นเหตุให้คณะกรรมการคุรุสภาบอกเลิกสัญญาจ้างดังกล่าว และได้ส่งหนังสือแจ้งให้ดร.ดิศกุล รับทราบแล้ว

 บอร์ดคุรุสภา ได้ใช้ระยะเวลากว่า 3 เดือนในการพิจารณาผลการประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานของ ดร.ดิศกุล ในรอบปีงบประมาณ .. 2564 อย่างครอบคลุม รอบด้าน ทั้งจากเอกสารที่เจ้าตัวเสนอมา การสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องและบุคลากรในสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จนกระทั่งมีมติดังกล่าวออกมา อย่างไรก็ตามเพื่อให้การปฏิบัติงานของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา รวมทั้งการดำเนินงานของคณะกรรมการคุรุสภาไม่สะดุด และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดิฉันจะอาศัยอำนาจตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 7/2558 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานสกสค.ข้อ 6 ที่ระบุว่าในระหว่างที่เลขาธิการคุรุสภา หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณามอบหมายให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในระดับเดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน ดังนั้นในสัปดาห์หน้าจะมีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการ ซึ่งมีความรู้ ความสามารถเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพครู และเข้าใจผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา มาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภาไปพลางก่อน ขณะเดียวกันคณะกรรมการคุรุสภา ก็จะดำเนินการสรรหาเลขาธิการคุรุสภาด้วย..ตรีนุช กล่าว

ดร.บัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ประธานคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานเลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า เลขาธิการคุรุสภาได้ส่งผลงานการปฏิบัติงานมาให้คณะกรรมการประเมินผลงาน ซึ่งคณะกรรมการก็ได้ประเมินแล้วเห็นว่า บางเรื่องเลขาธิการคุรุสภา ไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ ซึ่งดร.ดิศกุล ก็ยอมรับว่าบางเรื่องไม่สามารถดำเนินการได้ เนื้องจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 2019 ดังนั้นผลการประเมินจึงไม่ผ่านตามวัตถุประสงค์ของหลักเกณฑ์ที่วางไว้

ด้าน ดร.ดิศกุล กล่าวว่า เมื่อได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง ก็ได้หยุดปฏิบัติงานทันทีซึ่งตนมองว่าเกณฑ์การประเมินฯ ที่ตั้งไว้ว่าต้องผ่านที่ร้อยละ 75 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ตนยอมรับว่าพลาดเองที่เซ็นรับทราบเกณฑ์การประเมินไป เพราะตนเป็นข้าราชการนับถือผู้บังคับบัญชา เมื่อผู้บังคับบัญชาเอาเกณฑ์ประเมินมาให้ ตนก็ต้องเซ็นรับไว้ก่อน แต่เมื่อตนยื่นอุทรณ์ขอยกเว้นการประเมินบางตัวที่ไม่สามารถวัดความเที่ยงตรงได้ เช่นการจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ที่กำหนดไว้ว่าใน 1 ปี ต้องจัดสอบ 2 ครั้ง แต่ในความจริงแล้วจัดสอบได้ครั้งเดียว เพราะคณะกรรมการคุรุสภา และคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) ตกลงกันไม่ได้ว่าควรจะสอบวิชาเอกหรือไม่ จึงทำให้การจัดสอบล่าช้า ทำให้ไม่สามารถจัดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครั้งที่ 2 ได้ทัน ซึ่งเรื่องนี้จะกระทบการประเมินข้ออื่นๆด้วย แต่ทางคณะกรรมการประเมินฯ ไม่รับพิจารณา และอ้างว่าตนเซ็นรับทราบไปแล้ว

ถือว่าผมพลาดเอง ที่ไปเซ็นยอมรับเกณฑ์การประเมิน ถือเป็นการเอากฎหมายมาฆ่ากัน แต่ผมมองว่าผมไม่แพ้ในการทำงาน เพราะสังคมรับรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนอย่างไรทำงานอย่างไร มีหลักฐานการทำงานที่เป็นผลประจักษ์ อยู่แล้วดร.ดิศกุล กล่าว

กศน.จังหวัดกลุ่มสามเหลี่ยมมรกต เดินหน้าปักหมุดค้นหาคนพิการเข้าสู่ระบบการศึกษา

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 นายวุฒิพล ทับธานี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)ศรีสะเกษประธานกลุ่มสำนักงาน กศน.จังหวัดสามเหลี่ยมมรกต ประกอบด้วย สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษอุบลราชธานี ยโสธร และสำนักงานกศน.จังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวระหว่างการเป็นประธานเปิดประชุมชี้แจงแบบติดตามและสำรวจความต้องการของผู้ขาดโอกาส ทางการศึกษาและผู้พิการ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ CAPER ตามโครงการกศน.ปักหมุดเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา กลุ่มสามเหลี่ยมมรกต ที่ห้องประชุมลำดวนแกรนด์บอลรูม โรงแรมศรีลำดวน จังหวัดศรีสะเกษ ว่า  โครงการกศน.ปักหมุดเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา กลุ่มสามเหลี่ยมมรกต เป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นการดำเนินงาน สำนักงาน กศน. ประจำปีงบประมาณ2565 ด้านการสร้างสมรรถนะและทักษะคุณภาพ ส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต ที่เน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับแต่ละช่วงวัยและการจัดการศึกษาและการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายและบริบทพื้นที่ การส่งเสริมการจัดการศึกษาที่พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเป้าหมายพิเศษ  เช่น ผู้พิการ ออทิสติก เด็กเรเร่อนและผู้ด้อยโอกาสอื่นๆ  รวมถึงด้านการบริหารจัดการคุณภาพ ในส่วนของการปรับปรุงระบบฐานข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา เพื่อการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ เช่น ข้อมูลการรายงานผลการดำเนินงาน ข้อมูลเด็กตกหล่นจากการศึกษาในระบบและเด็กออกกลางคัน เด็กเรร่อน ผู้พิการ เป็นต้น

ผอ.กศน.จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวต่อไปว่า จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (.. 2561-2580) ได้กำหนดแผนแม่บทประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต โดยมีแผนย่อยที่เกี่ยวข้องกับการใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย การพัฒนาช่วงวัยเรียน/วัยรุ่น การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน รวมถึงการส่งเสริมศักยภาพวัยผู้สูงอายุ ประเด็นการพัฒนาการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย ประกอบกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา และนโยบายของ..ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เรื่อง การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยมอบให้ สำนักงาน กศน.จัดทำโครงการ ปักหมุด กศน.เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ซึ่งดำเนินการในจังหวัดนำร่อง 18 จังหวัด สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะประธานกลุ่มสำนักงาน กศน.จังหวัดกลุ่มสามเหลี่ยมมรกต ได้รับมอบหมายให้ขยายผลโครงการแก่สำนักงาน กศน.จังหวัดในกลุ่มสามเหลี่ยมมรกตตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต ได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจหลักตามแผนพัฒนาประเทศ และนโยบายและจุดเน้นของสำนักงาน กศน. ที่คำนึงถึงหลักการบริหารจัดการทั้งในเรื่องหลักธรรมาภิบาล หลักการกระจายอำนาจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตลอดจนการใช้ทรัพยากรด้านการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ โดยได้รับมอบหมายจากดร.สุรศักดิ์ อินศรีไกร  เลขาธิการสำนักงาน กศน. ให้ดำเนินการขยายผลการปักหมุดเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษากลุ่มสามเหลี่ยมมรกต  สำนักงาน กศน.จังหวัดศรีสะเกษ จึงได้จัดทำโครงการ กศน.ปักหมุดเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา กลุ่มสามเหลี่ยมมรกต ขึ้นเพื่อขับเคลื่อนนโยบายการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ อายุ 18 ปีขึ้นไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา และเพื่อจัดทำฐานข้อมูลการจัดการศึกษาให้คนพิการและผู้ด้อยโอกาสอย่างทั่วถึงและเสมอภาคต่อไป

ศธ.รุกพลิกโฉมการจัดการศึกษาสร้าง”อารยเยาวชนไทย”

เมื่อวันที่  21 มกราคม 2565 ที่โรงเรียนวัดวังหลวง จังหวัดลำพูน ..ตรีนุช เทียนทองรมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด  ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” (เครือข่ายอารยลุ่มน้ำลี้),รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา , นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ, ดร.อัมพร พินะสาเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และ คณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโคก หนอง นาแห่งน้ำใจและความหวัง” (เครือข่ายอารยลุ่มน้ำลี้) ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ลำพูน เขต 2

โดย ..ตรีนุช กล่าวว่า โครงการอารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังมีวัตถุประสงค์ในการประยุกต์ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และ ทฤษฎีใหม่ ในแบบชาวบ้าน ผ่านการปั้นโคก ขุดหนอง ทำนาซึ่งเป็นการสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก และสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไขของพื้นที่ โดยมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานแนวความคิด ฝึกวินัย ลงมือปฏิบัติ รวมถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในท้องถิ่นสู่การเรียนรู้ในสถานศึกษาให้เกิดผลในมิติต่างๆ ทั้ง การพึ่งพาตนเอง  ความกตัญญู การพัฒนาจิตใจ การพัฒนาทางปัญญา รวมทั้งสามารถเป็นที่พึ่งของชุมชนได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้น้อมนำโครงการฯมาปฏิบัติ โดยคัดเลือกสถานศึกษานำร่อง ระยะที่ 1 จำนวน 102 โรงเรียน และประสานความร่วมมือกับ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน , ศูนย์การเรียนกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง, โรงเรียนปูทะเลย์  มหาวิชชาลัย, และคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้แก่สถานศึกษาที่เป็นพี่เลี้ยง และจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ตลอดจนการตรวจเยี่ยม สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งส่งผลให้สถานศึกษามีความรู้ความเข้าใจ และมีแนวทางที่ชัดเจน สำหรับนำมาพัฒนาจัดระบบการเรียนการสอนผ่านการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายการศึกษาทุกภาคส่วน อย่างเหมาะสมกับภูมิสังคมและบริบทของแต่ละท้องถิ่น ทำให้นักเรียนสามารถพึ่งพาตนเอง และเป็นที่พึ่งของชุมชนได้..ตรีนุช กล่าวและว่า ตนมีนโยบายให้การสนับสนุนการดำเนินงานในด้านต่าง   เพื่อให้โครงการอารยเกษตรฯ สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์  ด้วยการพลิกโฉมการจัดการศึกษา ทั้งในมิติการบริหารโครงการและมิติวิชาการ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาสมรรถนะเยาวชน ให้เป็นอารยเยาวชนไทยตามแนวทางพระราชทาน ให้เด็กและเยาวชน สร้างเสริมวิชาการ วิชาชีพและวิชาชีวิต โดยมีความรู้และคุณธรรม  เป็นคนดีมีระเบียบวินัย รับผิดชอบตัวเองได้  พึ่งพาตัวเองได้ เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน สร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม  มีความกตัญญูกตเวที  มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี พร้อมเป็นฮีโร่ของชุมชน และประเทศชาติ  ทั้งนี้ ข้าพเจ้าและบุคลากรของ ศธ.ทุกคน สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และจะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการร่วมกันดำเนินงานโครงการ อารยเกษตร สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงด้วยโคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติสืบไป

น.ส.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า นักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนในโครงการอารยเกษตรฯ หากสนใจเรียนต่อสายวิชาชีพสามารถเข้าร่วมโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ ของวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ โดยที่จังหวัดลำพูน มีถึง 3 วิทยาลัยอาชีวะที่น้อง สามารถเข้าร่วมได้ และเรื่องนี้ยังเป็นการเชื่อมต่อ ที่กระทรวงศึกษาธิการตั้งใจแก้ปัญหาเด็กตกหล่นทางการศึกษา เป็นการทำงานแบบบูรณาการอย่างครบวงจร เพราะเราไม่ต้องการทิ้งน้อง คนใดไว้ข้างหลัง.

เสมา 1 เปิดงานรําลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ครั้งที่ 12 ลั่นเติมเต็มให้พี่น้องในจังหวัดชายแดนใต้เข้าถึงโอกาสได้ไม่แพ้ภูมิภาคอื่น

วันนี้ (20 ม.ค.) ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิวปัตตานี จังหวัดปัตตานี มีพิธีคารวะอนุสรณ์สถานคุรุวีรชนชายแดนใต้ โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธี นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษา รมว.ศธ., นายณรงค์ ดูดิง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ,นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) , พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมพิธี

โดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงานรำลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ครั้งที่ 12 ว่า สมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับ หน่วยงานทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้จัด งานรำลึกคุรุวีรชนชายแดนใต้ ครั้งที่ 12 ขึ้น เพื่อระลึกถึง คุณงามความดี และ ความเสียสละ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา รวมทั้งสิ้น 183 ราย ซึ่งตนได้มีโอกาสรับฟัง และติดตามสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด ก็เข้าใจ และเห็นใจถึง ความยากลำบากของเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่นี่ รวมถึงน้อง ๆ ลูกหลานนักเรียน ที่ต้องประสบ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว

“ ดิฉันคิดว่า เหตุการณ์เหล่านี้ คงไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ต่างอยากให้เกิดขึ้น เพียงแต่ทว่า เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเรา ไม่ว่าส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค หรือท้องถิ่น เราต้องเข้ามาดูแลพี่น้องเราที่นี่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน และการดำรงชีวิต สิ่งใดที่ยังขาดเหลือ เราก็ต้องมาช่วยกันเติมให้เต็ม ให้พี่น้องในจังหวัดชายแดนใต้ของเรา สามารถเข้าถึงโอกาสได้ไม่แพ้พี่น้องภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศ” รมว.ศธ.กล่าว

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อไปว่า วันนี้ แม้ว่าสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จะค่อย ๆ ทุเลาลงไปบ้างแล้ว แต่ยังมีอยู่สิ่งหนึ่งที่พวกเราและพี่น้องชาวจังหวัดชายแดนใต้ ต้องประสบพบเจอไม่ต่างกัน คือ การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ซึ่งในส่วนของ กระทรวงศึกษาธิการ เอง ที่ผ่านมาตนได้มอบนโยบายในการจัดการศึกษาและป้องกันควบคู่กัน โดยจัดให้มีการเรียนการสอนทั้ง 5 รูปแบบ หรือ 5 On มีการฉีดวัคซีนครูและบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนวัคซีนนักเรียน สำหรับเด็กที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี และล่าสุด ทาง ศบค. ชุดเล็ก ได้เห็นชอบในหลักการ ให้มีการขยายช่วงอายุของเด็กที่จะได้รับวัคซีน ลงมาเป็นระหว่างอายุ 5-11 ปี มี 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตราเข้มงวด เช่น ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และ มีแผนเผชิญเหตุ สำหรับสถานศึกษา ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ตนเชื่อว่า เพียงพอต่อการรับมือ

รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดอยู่ ณ ขณะนี้ ขอเพียงแค่เราไม่ตื่นตระหนก และอยู่ร่วมกับโควิด-19ให้ได้ เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า โลกจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมแบบที่เราเคยเป็นมาก่อน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจถึงความผันผวนนี้ และปรับตัวให้มีทักษะที่จะสามารถอยู่รอดท่ามกลางกระแสของการพัฒนาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้พวกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา จะต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับสถานการณ์ ณ เวลานี้ คือ ทำอย่างไรให้ผู้เรียนของเราไม่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ วันนี้ ครูของเราต้องเปลี่ยนจาก “ผู้สอน” มาเป็น “ผู้อำนวยการเรียนรู้” ที่จะคอยจุดประกาย และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ให้ชุมชน และสังคมของเขา เป็น “ห้องเรียนชีวิต” ที่จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดปัตตานี และพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อื่น ๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ของชุมชน สังคม ที่มีความพิเศษ และโดดเด่นกว่าหลาย ๆ ภูมิภาคในประเทศไทย ก็เชื่อว่ามีสิ่งดี ๆ ที่น่าเรียนรู้ ให้เด็ก เยาวชน รวมถึงพวกเราทุกคน ได้เข้ามาเก็บเกี่ยว เรียนรู้ และซึมซับวัฒนธรรมของที่นี่อีกมากมาย.

สำนักงาน กศน. รับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ของสำนักงาน กศน. สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2564  ทางเว็บไซต์ http://nfe.jobthaigov.com ตั้งแต่วันที่ 17 -31 มกราคม 2565 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ

ทั้งนี้ โปรดเตรียมเอกสารและหลักฐานประกอบการสมัครให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนอัปโหลดในระบบรับสมัครออนไลน์
http://nfe.jobthaigov.com/Main/FrmAnnounceListByYear.aspx