จากผลการจัดอันดับ IMD World Competitiveness ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่หลายประเทศให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะสะท้อนความแข็งแรงของเศรษฐกิจแล้ว ยังสะท้อนคุณภาพของระบบการศึกษาด้วย โดยข้อมูลสำคัญหลายหมวด เช่น ประสิทธิภาพภาครัฐ ความพร้อมของภาคธุรกิจ และมุมมองของภาคธุรกิจต่อคุณภาพคนไทย ล้วนเชื่อมโยงกลับมาที่ระบบการศึกษาโดยตรง ทำให้ทุกปีผล IMD กลายเป็นเหมือน “สัญญาณเตือน” ว่าประเทศไทยผลิตคนได้ตอบโจทย์ตลาดงานมากน้อยแค่ไหน และภาคเอกชนยังเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของเราหรือไม่ ขณะที่คะแนนของคู่แข่งหลายประเทศขยับดีขึ้นต่อเนื่อง ไทยกลับมีแนวโน้มชะลอลงในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเด็นนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษ
ดร.อรรถพล สังขวาสี อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความเห็นต่อสถานการณ์อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในรายงาน IMD World Competitiveness Ranking โดยระบุว่า “ประเทศไทยควรเตรียมความพร้อมอย่างจริงจัง ก่อนเข้าสู่กระบวนการเก็บข้อมูล Survey Data ของ IMD ในช่วงเดือนมกราคม 2569 โดยการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาคเอกชนเกี่ยวกับผลการดำเนินการของกระทรวงศึกษาธฺการในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจในระบบการศึกษาให้แก่ภาคเอกชน”
ดร.อรรถพลกล่าวว่า ตลอด 2–3 ปีที่ผ่านมา ผลด้านการศึกษาของไทยในมิติที่อาศัยข้อมูลจากภาคเอกชนมีคะแนนลดลงต่อเนื่อง สะท้อนว่า “ความเข้าใจของผู้ประกอบการต่อการพัฒนาทุนมนุษย์ ทักษะแรงงาน และคุณภาพระบบการศึกษาไทย ยังไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับการสื่อสารอย่างตรงจุดจากหน่วยงานภาครัฐ” ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ฉุดอันดับของประเทศไทยในหลายปีที่ผ่านมา
อดีตปลัด ศธ. จึงเสนอว่า กระทรวงศึกษาธิการควรเร่งดำเนินการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการชี้แจงบทบาทของ ศธ. ใน 4 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแบบสำรวจความคิดเห็น คือ 1. ความคิดเห็นต่อการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาที่ตอบสนองต่อความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ 2. ความคิดเห็นต่อการตอบสนองความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของการอุดมศึกษา 3. ความคิดเห็นต่อการบริหารจัดการศึกษาที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจ และ 4. ความคิดเห็นต่อทักษะทางภาษาที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการ
ดร.อรรถพล ย้ำว่า “หากประเทศไทยไม่เร่งแก้ไขความเข้าใจคลาดเคลื่อนของภาคธุรกิจ อันดับ IMD ในปี 2569 และปีถัดไปมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง แม้ประเทศจะมีนโยบายด้านการศึกษาและทุนมนุษย์ที่ก้าวหน้าอยู่หลายด้านก็ตาม” พร้อมระบุว่า การเตรียมการล่วงหน้าก่อนช่วง Survey Data เป็นปัจจัยสำคัญที่หลายประเทศให้ความสำคัญ แต่ไทยยังขาดการจัดการในประเด็นนี้ ทั้งนี้ กระบวนการเก็บข้อมูล Survey Data ของ IMD จะเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2569 โดยข้อมูลดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนสำคัญต่อคะแนนภาพรวมของประเทศ และมีผลต่อการจัดอันดับความสามารถด้านการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง



เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13-14 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า สกร.ได้นำคณะ ผู้บริหารและบุคลากร สกร 19 จังหวัด ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราวของจังหวัดสุรินทร์-ศรีสะเกษ โดยในวันที่ 13-14 ธันวาคม 2568 ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวของจังหวัดศรีสะเกษ-สุรินทร์
ทั้งนี้ สกร. 19 จังหวัด ได้นำของอุปโภคบริโภคและถุงยังชีพมอบให้ผู้ประสบภัย พร้อมกับจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมด้าน “ดูแลจิตใจ–คลายความกังวล–นันทนาการ” : นันทนาการกลุ่ม (ร้องเพลง เล่านิทาน เกมพื้นบ้าน), ศิลปะสร้างสรรค์ (ระบายสี พับกระดาษ งานประดิษฐ์ง่าย ๆ), ดูหนังกลางแปลง “เบิ่งหนังยามแลง” (เช่นภาพยนตร์ ท่าแร่ และ สัปเหร่อ) กิจกรรมด้าน “ส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับทุกช่วงวัย” : รถโมบาย มุมการอ่านหนังสือเคลื่อนที่ / ห้องสมุดชั่วคราวในศูนย์พักพิง, ฐานการเรียนรู้ทักษะชีวิต (การดูแลสุขอนามัย การจัดการตนเองในภาวะวิกฤต), เกมและสื่อสร้างสรรค์ และกิจกรรมการอ่าน–เขียน การคิดคำนวณอย่างง่าย กิจกรรมด้าน “ฝึกอาชีพระยะสั้น–สร้างรายได้–Learn to Earn” : การสอนทำขนมไทยพื้นบ้าน (ขนมง่าย ๆ ใช้วัตถุดิบในชุมชน), การทำป๊อบคอร์นเลิศรส (ต้นทุนต่ำ ทำขายได้จริง), การสอนตัดผมชาย–หญิงเบื้องต้น, การทำอาหารว่าง/อาหารกล่อง, งานฝีมือและงานประดิษฐ์ (ของใช้ในครัวเรือน ของชำร่วย) และการแปรรูปอาหารง่าย ๆ เพื่อยืดอายุอาหารและสร้างรายได้เสริม
อธิบดี สกร.กล่าวต่อไปว่า ทุกกิจกรรมที่ สกร. จัดในศูนย์พักพิง นอกจากจะมีการสาธิต สอนให้ทำเป็นแล้ว ยังมีการแจกอุปกรณ์และสิ่งของที่ทำจากกิจกรรมให้พี่น้องผู้พักพิงฟรีทั้งหมด รวมถึงมีบริการตัดผมฟรีด้วย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และให้ทุกคนมีกำลังใจทุกช่วงเวลา



เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พร้อมด้วย นายตฤณ ก้านดอกไม้ ผอ.ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นางนัยนา ตันเจริญ ผอ.สำนักอำนวยการ รวมถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ข้าราชการ และบุคลากรฯ ร่วมส่งมอบคาราวานธารน้ำใจ จากกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา” ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 1 ซึ่งคาราวานน้ำใจดังกล่าวออกเดินทางจากกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 ธันวาคม 2568 จนมาถึงยังจุดหมายปลายทางในช่วงเช้าวันนี้ จากนั้น เลขาธิการ กพฐ. พร้อมคณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยฯ ในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อติดตามการดำเนินงานและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่อีกด้วย
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีความห่วงใยสถานศึกษา นักเรียน ครูและบุคลากรฯ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างมาก กระทรวงศึกษาธิการจึงเร่งช่วยเหลือด้านสวัสดิการ เครื่องอุปโภคบริโภค และชุดการเรียนรู้สำหรับนักเรียน ส่งผ่านกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและมอบกำลังใจแก่สถานศึกษาและประชาชนในพื้นที่ พร้อมขอบคุณผู้บริจาครวมถึงผู้ปฏิบัติงานที่ช่วยดูแลและฟื้นฟูโรงเรียนอย่างเต็มที่ และ สพฐ.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งฟื้นฟูสถานศึกษา ดูแลความปลอดภัย และเยียวยาจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ หวังให้ทุกฝ่ายกลับมาดำเนินชีวิตและจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ เลขาธิการ กพฐ. ได้มอบหมายผู้บริหาร สพฐ. ลงพื้นที่ส่งมอบคาราวานน้ำใจ ในอีก 5 จังหวัด ได้แก่ นายศุภสิน ภูศรีโสม ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ และนางพวงทอง ศรีวิลัย ที่ปรึกษาพิเศษ สพฐ. ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ณ สพป.อุบลราชธานี เขต 1, นางสาวสุทธิชารัชต์ คำสองสีภัคนนท์ ที่ปรึกษา สพฐ. และนางสาวปัทมา เทียมเนียม ผอ.ตสน. ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ณ สพม.สุรินทร์, นายพิทักษ์ โสตถยาคม ที่ปรึกษาด้านการศึกษาพิเศษและผู้ด้อยโอกาส ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ณ สพม.ศรีสะเกษ ยโสธร, นางสาวพัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ ที่ปรึกษา สพฐ. และนายสุวิทย์ บึงบัว ผชช.ด้านการพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี ลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ณ สพป.สระแก้ว เขต 1 และนางสาวจุฬาลักษณ์ ทรัพย์สุทธิ ผอ.กพร. ลงพื้นที่ จ.ตราด ณ สพป.ตราด เพื่อส่งมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคและชุดการเรียนรู้สำหรับนักเรียน ให้แก่ผู้ประสบภัยและสถานศึกษาต่างๆ ในพื้นที่ต่อไป

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นประธานมอบเกียรติบัตรและรางวัลการแข่งขันสตรีมเมอร์อีคอมเมิร์ซจีนนานาชาติ ระดับภูมิภาค ปี 2568 เขตพื้นที่การแข่งขันประเทศไทย ณ ห้องประชุม 5 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยมี นายหวัง เว่ยหยาง คณบดีสถาบันการศึกษานานาชาติและความร่วมมืออุตสาหกรรมการศึกษา บริษัท ถัง อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป นายธนภัทร แสงจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือ ผู้แทนบริษัท ถัง อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และนักศึกษา ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมออนไซต์ และผ่านระบบออนไลน์ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศปากีสถาน
นายยศพล กล่าวว่า การแข่งขันสตรีมเมอร์อีคอมเมิร์ซจีนนานาชาติครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ เข้าร่วมกว่า 62 ทีม สะท้อนถึงศักยภาพ ความมุ่งมั่น และความพร้อมของผู้เรียนอาชีวศึกษาไทยที่มุ่งพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ครีเอทีฟคอนเทนต์ และอีคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ และเป็นเวทีสร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะสำคัญแห่งศตวรรษที่ 21 ทั้งด้านการสื่อสาร การผลิตสื่อดิจิทัล การทำงานเป็นทีม และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) ได้รับมอบหมายจาก ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลือผู้ประสบภัยและลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ”
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนได้รับผลกระทบจำนวนมากถึง 1,130 แห่ง ใน 15 เขตพื้นที่ กระทบกับนักเรียน 8,044 คน ครูและบุคลากรฯ 301 คน และมีโรงเรียน 97 แห่งถูกปรับเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนจำนวนมาก รมว.ศึกษาธิการ จึงสั่งการให้ สพฐ. เร่งดูแลความปลอดภัยและสภาพจิตใจของนักเรียน ครู และบุคลากร โดยเน้นการจัดการเรียนรู้อย่างยืดหยุ่นภายใต้แนวคิด “เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา” พร้อมจัดกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดในศูนย์พักพิง สำหรับคาราวานน้ำใจในครั้งนี้ สพฐ. จัดส่งถุงยังชีพ สิ่งของอุปโภคบริโภค และชุดการเรียนรู้สำหรับนักเรียน เพื่อนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง พร้อมขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ–เอกชน และผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมสนับสนุนการช่วยเหลือในครั้งนี้
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า สพฐ.จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและประสานความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งฟื้นฟูสถานศึกษา ดูแลความปลอดภัย และเยียวยาจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ หวังให้ทุกฝ่ายกลับมาดำเนินชีวิตและการเรียนการสอนได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “สร้างแรงบันดาลใจจากการอ่าน เพื่อการค้นหาและพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ ตามรอยพระจริยวัตร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” โดยมี ศ.พิเศษ ดร.ธงทอง จันทรางศุ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน ฯ และ ดร.สมเกียรติ ชอบผล กรรมการมูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ร่วมบรรยายพิเศษ พร้อมด้วยผู้บริหารของ สพฐ. ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา คณะครูอาจารย์ นักเรียน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 และถ่ายทอดสดผ่าน OBEC Channel
ดร.พิเชฐ กล่าวว่า “การอ่านและภาษา โดยเฉพาะภาษาไทย คือรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และอัตลักษณ์ของชาติ” ทักษะอ่านออกเขียนได้ การอ่านคล่องเขียนคล่อง รวมถึงทักษะคิดวิเคราะห์และการสื่อสาร เป็นพื้นฐานที่ช่วยต่อยอดความรู้ในสาระสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ หน้าที่พลเมือง หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์ เพราะการอ่านที่หลากหลายช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจลึก คิดเป็น ตั้งคำถาม และแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สพฐ. จึงเดินหน้าภารกิจหลักในการยกระดับทักษะภาษาไทยและส่งเสริมการอ่านให้เกิดขึ้นในทุกห้องเรียน โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นแบบอย่างด้านรักการอ่าน และทรงมีพระดำรัสว่า “การอ่านเป็นกุญแจสำคัญสู่การพัฒนาคนและประเทศชาติ” ซึ่งเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนการศึกษาไทยอย่างยั่งยืน

