สพฐ.เลื่อนสอบครูผู้ช่วย(ว.16)ไม่มีกำหนดขณะที่การสอบปลายภาคของนักเรียนรอดูการแพร่เชื้อโควิด-19ก่อน

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2564 ดร.อัมพร  พินะสา  เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19  ทำให้ต้องปิดโรงเรียนและจัดการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์นั้น ส่งผลให้การสอบต่าง ๆ ต้องเลื่อนออกไป รวมถึงการสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ(ว.16) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี 2564 ต้องเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งแม้จะไม่ได้สอบในรอบนี้ก็ไม่มีปัญหากระทบทำให้ขาดแคลนครู เพราะขณะนี้ยังไม่ได้จัดการเรียนการสอนในห้องเรียน สพฐ. ใช้ระบบการสอนออนไลน์อยู่แล้ว ระหว่างนั้นสามารถดำเนินการสอบคัดเลือกเพื่อหาครูมาทดแทนได้

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า  ส่วนการบรรจุแต่งตั้ง ผู้อำนวยการสถานศึกษานั้น  มีการอบรมและบรรจุแต่งตั้งรอบแรกไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา เหลือการบรรจุแต่งตั้งในรอบ 2  อยู่ระหว่างการอบรม โดยได้ปรับรูปแบบมาเป็นอบรมผ่านระบบออนไลน์ สามารถออกวุฒิบัตรได้  หากผ่านการอบรมถือว่ามีคุณสมบัติครบ สามารถบรรจุแต่งตั้งได้  ตามช่วงเวลาที่กำหนดภายในเดือนมกราคม โดยอำนาจการบบรรจุแต่งตั้งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) แต่ละแห่ง

“โรงเรียนที่ขาดผู้บริหารสถานศึกษา ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ กรณีโรงเรียนขนาดเล็ก ที่ไม่ได้รับคืนอัตราเกษียณจาก คณะกรรมการ กำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.)  มอบหมายให้ผู้อำนวยการโรงเรียนที่มีศักยภาพ ทำหน้าที่บริหารจัดการ 2 โรงเรียนต่อผู้อำนวยการโรงเรียน 1 คน ส่วนเรื่องการวัดและประเมินผล ปลายภาคเรียนนั้น เบื้องต้นยืนยันกำหนดตามช่วงเวลาเดิม เพื่อไม่ให้กระทบกับการเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มัธยมศึกษาปีที่4 และการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งถ้าถึงเวลาแล้วไม่สามารถมาสอบที่โรงเรียนได้ ก็อาจจะปรับรูปแบบให้สอบออนไลน์ หรือมีแนวทางอื่นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักเรียน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ ทั้งนี้ตนได้กำชับให้ผู้อำนวยการโรงเรียนทุกแห่งให้สอดส่องดูแลเรื่องความปลอดภัยของครูและนักเรียน  เพราะเริ่มมีข่าวครู และนักเรียนหลายจังหวัดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว สพฐ. เองก็มีความห่วงใย ให้ระมัดระวังอย่างเคร่งครัด

สพฐ.สั่งปิดโรงเรียน44จังหวัดจัดการเรียนการสอนได้หลายช่องทางขณะที่ปลัดศธ.เผยตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2564 ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)เปิดเผยว่า ตามที่มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องให้มีสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับศธ.ปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษลงวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยให้สถานศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบที่อยู่ในสังกัดและในกำกับศธ.พื้นที่ควบคุมสูงสุด ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.กำหนดใน 28 จังหวัด ปิดเรียนด้วยเหตุพิเศษตั้งแต่วันที่ 4-31 ม.ค.2564 หรือจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงนั้น ทางสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล สำนักงานปลัดศธ.ได้สรุปจำนวนสถานศึกษา ครู นักเรียน นักศึกษา ในสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.)และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)สำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.)ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ทั้ง 28 จังหวัด ดังนั้น สถานศึกษา 10,323 แห่ง นักเรียน นักศึกษา 3,661,805 คน และครู 206,217 คน

ด้านดร.อัมพร  พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า  นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ มีความห่วงใย กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่  ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ย้ำให้โรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงสูง28 จังหวัด ปฎิบัติตามประกาศของทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. และประกาศของจังหวัดแต่ละแห่งอย่างเคร่งครัด  โดยตอนนี้พบว่า มีโรงเรียนที่ปิดเรียนไปแล้ว 44 จังหวัด  กว่า 3 พันโรงเรียน  การระบาดในรอบนี้สพฐ. จะไม่ให้เด็กมาโรงเรียนแต่การจัดการเรียนการสอนต้องดำเนินต่อไป โดนสอนออนไลน์ กรณีที่นักเรียนและครูมีความพร้อม ถ้าไม่มีความพร้อมให้ออนแอร์ ผ่าน การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม หรือDLTV  ถ้าเรียนทางไกลไม่พร้อม ให้ใช้วิธี ออนดีมานด์ อัดคลิปการสอนผ่านยูทูป หรือช่องทางอื่น ๆ  และหากไม่มีช่องทางจริง ๆ ให้ใช้ ออนแฮนด์ ทำเปเปอร์ ให้การบ้านนักเรียนกลับไปทำ  เสมือนว่านักเรียนได้เรียนปกติ  การนับเวลาเรียนก็ไม่มีปัญหา ส่วนประเด็นอื่น ๆ อาทิ เรื่องนมโรงเรียน ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จะนำนมไปส่งตามบ้าน อาหารกลางวันให้ผู้ปกครองรับผิดชอบจัดหาอาหารกลางวันให้นักเรียน โดยทางโรงเรียนจะจ่ายเงินค่าอาหารกลางวันให้ผู้ปกครอง 20 บาทต่อหัว

ศธ.ยังไม่ปิดโรงเรียนเพิ่มการเรียนการสอนยังรับได้อยู่ เล็งหารือ ‘ดีอีเอส’ ช่วยสนับสนุนอินเตอร์เน็ต

เมื่อวันที่ 4 มกราคม นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงทั้ง 4 องค์กรหลักของ ศธ. ว่า หลังจากที่ได้สั่งการปิดสถานศึกษาใน 28 จังหวัดที่มีความเสี่ยงสูง ตั้งแต่วันที่ 4-31 มกราคม 2564  เพื่อให้นักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากรทางการศึกษา ให้ได้รับความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19  แต่ต้องวางแผนรับมือปัญหาที่ตามมาให้มีผลกระทบน้อยที่สุด เช่น การปรับการเรียนการสอน การเปิด-ปิดภาคเรียน และการสมัครเข้าเรียนในระดับชั้น ม.1 และ ม.4 เป็นต้น ซึ่งตนมองว่าในสถานการณ์นี้ ศธ.ยังสามารถบริหารจัดการได้อยู่ แต่ต้องเตรียมการสนับสนุนครูที่อาจจะมีความลำบาก มีค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์เอกสาร และมีความลำบากในการสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยตนจะหารือกับนายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อหาทางช่วยเหลือ และสนับสนุนเรื่องการใช้อินเทอร์เน็ต

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ศธ.ยังไม่ปิดสถานศึกษาเพิ่ม เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ปกครอง  ซึ่งตนจะรอฟัง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ประกาศอีกครั้ง ถ้า ศบค.สนับสนุนให้ประชาชนทำงานที่บ้าน ก็จะทำให้ผู้ปกครองอยู่บ้านดูแลบุตรหลานได้ ส่วนจะมีการเลื่อนปิดภาคเรียนหรือไม่นั้น ตนมองว่าขณะนี้ช่วงเวลาการเรียนยังรับได้อยู่ เพราะยังไม่กระทบต่อการจัดการศึกษาในภาพรวมของนักเรียนทั้งประเทศ แต่ในอนาคตศธ.จะนำชั่วโมงเรียนมาเป็นตัวกำหนดในการปิดเรียน หรือการคำนวณผลการเรียนต่อไป ส่วนการสอบเข้า ม.1 และ ม.4 ตนเห็นว่ายังสามารถบริหารจัดการได้อยู่ โดยอาจจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย อาจจะจัดสอบคนละเวลา เป็นต้น แต่ทั้งนี้จะต้องหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะหารือวางแผนจัดการเรื่องนี้อีกครั้ง

เมื่อถามว่า  ขณะนี้สัญญาณใช้สื่อการสอนของมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระราชูปถัมภ์ (ดีแอลทีวี) ผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทัลหมดลงแล้ว ศธ.จะต่อสัญญาณหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบแรก ศธ. พบว่าช่องทีวีที่นักเรียนใช้มากมีอยู่  3 ช่องเท่านั้น  ถ้า ศธ.ยังเปิดช่องดีแอลทีวีเหมือนเดิม จะมีค่าใช้จ่าย 3.5 ล้าน ต่อช่องต่อเดือน จึงคิดว่าคงจะไม่ต่อสัญญาณต่อ  แต่จะนำงบประมาณมาจัดสรรให้มีประสิทธิภาพ อาจจะนำงบประมาณมาใช้แก้ไขปัญหาในส่วนอื่นๆ เพราะปัจจุบันยังไม่มีการแพร่ระบาดที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นแนวทางที่ ศธ.จะนำไปบริหารจัดการต่อไป ทั้งนี้ตนขอบคุณดีแอลทีวี ที่ผ่านมาได้ช่วยเหลือการศึกษาของประเทศท่ามกลางการเกิดวิกฤตในช่วงที่ผ่านมา

“เลขาฯกพฐ.”มั่นใจรร.สามารถสอนทางออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพได้ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19

เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2564 ดร.อัมพร  พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19  ระลอกใหม่ครั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.) ให้ออกติดตามการดำเนินงาน การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนต่าง ๆ ในช่วงนี้ ซึ่งวันนี้ตนได้ออกตรวจเยี่ยมโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ 2 แห่ง  คือ โรงเรียนวัดอินทราราม และโรงเรียนสตรีวิทยา  ซึ่งพบปัญหาในทางปฏิบัติเล็กน้อย แต่ก็พบว่า มีการถอดบทเรียนการจัดการเรียนการสอน จากการแพร่ระบาดครั้งที่ผ่านมา  ทั้งการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ ออนแอร์และออนไซต์  ทั้งนี้สิ่งที่โรงเรียนทำได้ดีคือ การสอนออนไลน์ ซึ่งมีการวางแผนการดำเนินงาน ตั้งแต่ การสำรวจอุปกรณ์เครื่องมือในการจัดการเรียนการสอน ข้อมูลพื้นฐาน และช่องทางการสื่อสารระหว่างครูและนักเรียน เพื่อจัดปฏิทินการสอนตามตารางที่กำหนด โดยพบว่าส่วนใหญ่มีความพร้อม

เลขาธิการกพฐ.กล่าวต่อไปว่า จากการลงตรวจเยี่ยมครั้งนี้ครูและโรงเรียนมีการปรับตัวในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งไม่ได้ใช้ช่องทางเดียวในการสอน มีทั้งระบบออนแอร์ ออนไลน์  และมอบการบ้านให้นักเรียนไปศึกษาทางยูทูบ ส่งการบ้านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ อีเมลล์ เห็นถึงความตั้งใจของโรงเรียนที่พยายามทำให้เด็กได้เรียนอย่างเต็มที่  แม้จะไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียนก็ไม่ได้หมายความว่า เด็กจะต้องหยุดเรียน ถือว่า แนวทางนี้ประสบความสำเร็จ เป็นที่น่าพอใจ จะมีอุปสรรค์อยู่บ้าง  ตรงที่ผู้ปกครองสะท้อนกลับมาว่า การสอนออนไลน์ ทำให้นักเรียนได้รับการบ้านมาก ตรงนี้ครูผู้สอนก็ต้องไปปรับให้เกิดความเหมาะสมกับบริบท ส่วนนักเรียนที่ไม่มีความพร้อมในการเข้าสู่ระบบเรียนออนไลน์ ก็จะมีการซ่อมเสริมให้ได้เรียน และมีงานส่งเท่าเทียมกับเพื่อน เรื่องโรคภัยไข้เจ็บห้ามไม่ได้ โรงเรียนหยุดได้เพื่อความปลอดภัย  แต่เด็กจะหยุดเรียนไม่ได้ สพฐ.จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกคนต้องมีโอกาสเท่าเทียมกัน

“ผมจะนำข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ไปปรับ เพื่อเสนอแนะแนวทางจัดการเรียนการสอนในการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศในวันที่ 6 มกราคมนี้ “ดร.อัมพร กล่าว

“คุณหญิงกัลยา” สั่งทำหลักสูตรCodingสำหรับคนตกงาน

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 คุณหญิงกัลยา  โสภณพนิช  รมช.ศึกษาธิการ  เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายส่งเสริมการเรียนภาษาคอมพิวเตอร์(Coding)แห่งชาติ ว่า คณะทำงานได้นำเสนอแผนงานและยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนนโยบายว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากต้องมีการหารือเรื่องชื่ออีกครั้ง  โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ให้ใช้คำว่า “Coding” แต่คำนี้อาจจะอธิบายให้เป็นที่เข้าใจตรงกันของคนทั่วไปได้ยาก  จึงให้คณะทำงานกลับไปคิดคำกลาง ๆ ที่จะสามารถสื่อให้เข้าใจได้ตรงกันว่าเป็นโค้ดดิ้งสำหรับคนทั่วไป หรือ  Coding for All

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ประชุมได้เน้นย้ำว่าจะทำหลักสูตร โค้ดดิ้งสำหรับคนตกงานด้วย เพราะให้คนที่ตกงานมีระบบคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล  มีความสบายใจ และสามารถคิดหาทางออกได้ เช่น สามารถคิดได้ว่าทำไมถึงตกงาน  ตกงานแล้วจะทำอะไรต่อไป  มีเงินแค่นี้ มีความรู้แค่นี้จะทำอะไรได้บ้าง เป็นต้น