ด่วน!ศธ.เปิดระบบ TRS ย้าย ผอ.สพท.-หัวหน้าส่วนราชการ-แล้ว ส่วนครูจะเปิดระบบให้ย้าย16ม.ค.นี้

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑและวิธีการเลื่อนระดับตำแหน่งขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหนงบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อแต่งตั้งใหดำรงตำแหนง ประเภททั่วไปและตำแหน่งประเภทวิชาการ ซึ่ง เดิม ก.ค.ศ. ได้กำหนดหลักเกณฑและวิธีการเลื่อนระดับตำแหน่งขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อแต่งตั้งใหดำรงตำแหนง ประเภททั่วไปและตำแหน่งประเภทวิชาการ ตาม ว 17/2565 โดยกำหนดให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)หรือ อนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.) ที่ ก.ค.ศ. ตั้งดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ นี้ แต่ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีการยกเลิก พรบ.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 ส่งผลให้หลักเกณฑ์และวิธีการฯ เดิม มีประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน ดังนั้นเพื่อให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) สอดคล้องกับบริบทและสภาวการณ์ของกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก.ค.ศ. จึงมีมติเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑและวิธีการเลื่อนระดับตำแหน่งขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหนงบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) เพื่อแต่งตั้งใหดำรงตำแหนง ประเภททั่วไปและตำแหน่งประเภทวิชาการ โดยให้ยกเลิกหลักเกณฑ์ฯ เดิม (ว 17/2565) ทั้งนี้ การใดที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ ว 17/2565 ให้ดำเนินการต่อไปจนแล้วเสร็จ และให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดทำคู่มือการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังได้มีมติอนุมัติ ย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ให้ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะเดิม ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งใหม่ จำนวน 19 ราย และอนุมัติให้มีการบรรจุและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ได้รับการคัดเลือกซึ่งขั้นบัญชีรอการบรรจุ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 21 ราย

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวต่อไปว่า ก.ค.ศ.ได้รายงานสรุปการลงทะเบียนของผู้ใช้งานระบบย้ายข้าราชการครู (Teacher Rotation System: TRS)ของ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทุกสังกัด ซึ่ง ข้าราชการสังกัด สพฐ. ลงทะเบียน จำนวน 26,709 คน สังกัด สอศ.จำนวน 356 คน สังกัด สกร.จำนวน 1,057 คน สำนักงาน ก.ค.ศ.15 คน รวม 28,137 คน  โดย สพฐ.ได้ประกาศสถานศึกษาที่มีตำแหน่งว่าง 1,691 แห่ง ทั้งนี้ ยังไม่รวมจำนวนข้าราชการครูที่จะเปิดให้ลงทะเบียนย้ายในวันที่ 16 ม.ค.นี้

ศธ.จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางเรื่องพิมพ์หนังสือแบบเรียนองค์การค้าของสกสค.จริงหรือ?

หยอก หยอก ประจำวันที่ 13 มกราคม 2568 *** วันนี้ หยอก หยอก ขอให้เดือนแรกของปี ขอให้เป็นเดือนที่มีแต่ความสุข  มีความสมหวัง ขอให้เป็นเดือนแห่งการเริ่มต้นความปัง และขอให้ทุก ๆ การก้าวเดินมีแต่ความปลอดภัย *** อย่าเก็บขยะ จากปากใคร มาไว้ในใจเรา จงสวยงามเสมอ และเป็นตัวของเราเอง *** ขึ้นศักราชใหม่ปีงูเล็ก เรามาหยอก หยอก กันเบา ๆ ให้หายคิดถึง พอหอมปาก หอมคอ เพราะเผอิญไม่ใช่สื่อรับจ้างอวย…ก็เลยต้องว่าไปตามที่เห็นและจากFC ที่ส่งข้อมูลมาให้ส่งต่อข่าวอีกด้านบ้าง…ก็เบา ๆ กันหน่อยนะ FC.. เดี๋ยวหยอกจะอยู่ไม่ได้…5555 *** ก่อนอื่นต้องขอชื่นชม การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ปีนี้ ที่ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบหมายให้ สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับหน้าที่เป็นประธานจัดงาน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่างานวันเด็กปีนี้ ได้รับการชื่นชมจากผู้ปกครอง และ เด็กเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงกับเอ๋ยปากว่า “สุดประทับใจ”ในการจัดงานวันเด็กของกระทรวงศึกษาธิการและยังกล่าวชื่นชมเด็ก ๆ ที่ออกมาแสดงความสามารถ นับได้ว่า “เด็กไทยไม่แพ้ใครในโลก” อีกทั้งเพราะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ของ ศธ.ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(สป.) กรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.)สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)และ หน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาร่วมจัดงานวันเด็กด้วยกว่า 70 บูธ นำกิจกรรมและสิ่งของมาแจกให้กับเด็ก ๆ มากมาย กว่า 1 แสนชิ้น โดยเฉพาะบูธ ของสำนักเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน(สทร.)สพฐ. ได้นำกีฬาอีสปอร์ต บูธAI บอร์ดเกมส์ Metaverse และการแสดงอุปกรณ์เสริมในรูปแบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา(Anywhere Anytime)มาร่วมจัดเต็ม***เรื่องนี้ก็ต้องขอชื่นชมอีหลี..เด้อจ้า…***ก็เป็นที่ฮือฮา เมื่อหยอก หยอก ได้เปิดประเด็น “สพฐ.”เล็ง ให้ ผู้อำนวยการโรงเรียนทำงานธุรการ ซึ่งก็มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย มีการเสนอทางออกให้ สพฐ.***ล่าสุด ทราบว่า ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มอบหมายให้ พัชรกันย์ เมธาอัครเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ สพฐ. ทำแนวทางเพื่อประกาศให้เขตพื้นที่การศึกษาฯทำหน้าที่จัดซื้อจัดจ้าง แทน โรงเรียนที่ไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ส่วนโรงเรียนที่มีผู้อำนวยการโรงเรียน…รอลุ้น..จร้า *** สรุปแล้ว..กรณีเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้นำรูปภาพเป็น ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มาโพสต์ลงในเพจ พร้อมระบุข้อความสั้นๆว่า “ไม่ไป รร. สั่งครูเอาเอกสารเซ็นถึงบ้าน 230 โล เรื่องนี้ นายไพชยา พิมพ์สารี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาญจนบุรี ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว โดยมีผู้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการประกอบด้วย ธุรการโรงเรียนที่ถูกระบุชื่อ หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป หัวหน้างานบริหารงบประมาณ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนดังกล่าวอีก 2 คน   ซึ่งทั้งหมดไม่มีความสนิทสนมหรือมีข้อพิพาทกับผอ.โรงเรียนแต่อย่างไร จากการสืบสวนพยานบุคคลก็ยังไม่พบความผิดปกติในการปฏิบัติหน้าที่ราชการของผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว … หากคณะผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริงสรุปผลการตรวจสอบจากเอกสารต่างๆประกอบแล้ว จะได้รายงานให้ทราบอีกต่อไป…หยอก หยอก มาบอกข่าว ถ้าไม่เป็นตามข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวนก็นำหลักฐานส่งมาได้***ปรับโหมดกันบ้าง…ข่าวแว่วมาจะจริง หรือไม่จริง หยอกไม่รู้…ว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนมีนาคมนี้ กระทรวงศึกษาธิการ จะถูกอภิปรายเรื่องการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนองค์การค้าของสกสค.เพราะมีหลายปัจจัยที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมาอภิปราย ซึ่งก็มีหลาย ๆ สื่อเล่นเรื่องนี้กันยาวหลายเดือนติดต่อกัน เห็นจะไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมดาซะแล้ว แถมบางสื่อยังได้รับรางวัล”ANTI-CORRUPTION AWARDS 2024″สำหรับสื่อต้านโกง รวมพลหยุดทุจริตคอร์รัปชั่น-สร้างธรรมาภิบาล ประจำปี 2567 ในชื่อตอน “เปิดโปง พิมพ์ตำราเรียนพันล้านส่อฮั้วประมูล”และล่าสุด กมธ.ติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภา ได้มีมติรับทราบว่า การจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดพิมพ์แบบเรียนปีการศึกษา 2567 ขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งใช้วิธีการคัดเลือก แทนการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ขัดต่อมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่ตอบกลับโรงพิมพ์รุ่งศิลป์ เมื่อวันที่ 24 พ.ค.2567 ซึ่งในส่วนนี้ นายอลงกต วรกี ประธานที่ประชุมได้สั่งการให้ กมธ.ส่งประเด็นไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินการต่อ***ถ้าเป็นแบบนี้บริษัทที่รับจ้างพิมพ์หนังสือแบบเรียนให้องค์การค้าสกสค.ปี 2567 จะถูกระงับการจ่ายเงินพิมพ์หนังสือ หรือเปล่า…โอ้…พระเจ้า… แล้วการพิมพ์หนังสือแบบเรียนปี 2568 ละ? จะได้พิมพ์ต่อหรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน…ก็ได้แต่ส่งกำลังใจให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง…ถ้าทำงานถูกต้องงานจะไม่สะดุดแน่นอน…อย่างไรก็ตาม วันก่อน หยอก ได้ดู “ข่าวข้นคนข่าว”ที่องค์การค้าสกสค.ทำหนังสือชี้แจงที่ข่าวข้นคนข่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่ง ก็เข้าใจแหละว่า ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลโต้แย้ง ไม่รู้จะเชื่อใคร ก็ขอให้งัดหลักฐานมาสู้กันเลย เพื่อให้คนดูได้เห็นข้อเท็จจริง…กันเนาะ…

“นายกฯอิ๊ง” ชื่นชม.ศธ.จัดงานวันเด็กสุดประทับใจ เน้นกิจกรรม Active Learning ที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมย้ำคำขวัญวันเด็ก  ขอให้เด็กและผู้ใหญ่ปรับตัวเรียนรู้ไปด้วยกัน และก้าวสู่อนาคตที่เลือกเอง

ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 11 มกราคม 2568 ที่กระทรวงศึกษาธิการ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568” โดย มี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ให้การต้อนรับ โดย พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ได้กล่าวรายงานการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ  ประจำปี 2568 ว่า การจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2498 และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งส่วนกลางและภูมิภาค สำหรับปี 2568 นี้ ในส่วนกลางมีการจัดงานที่กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข Smart Kids , Happy Future” โดยมีหน่วยงานส่วนราชการต่าง ๆ และสถานทูตมาร่วมใจส่งต่อความสุขให้กับเด็ก โดยเน้นกิจกรรมที่เกิดกระบวนการเรียนรู้ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นกิจกรรม Active Learning ที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime และส่งเสริมให้เกิดแรงบันดาลใจในการเรียนของเด็ก ๆ เพื่อสร้างเป็นประสบการณ์ที่หลากหลาย รวมถึงส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง มีทักษะชีวิตที่ดี เป็นเด็กไทยยุคใหม่ที่รู้หน้าที่ พลเมืองไทย ขณะที่ในส่วนภูมิภาคได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัดประสานงานกับหน่วยงานเพื่อจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเนินกิจกรรมที่เติมเต็มความสุขให้กับเด็ก ๆ และลดภาระของผู้ปกครอง

น.ส.แพรทองธาร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นปีแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานวันเด็กก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเตรียมงานไว้ดีมาก และที่ได้เห็นน้อง ๆ เด็กตัวเล็กมาแสดงเกี่ยวกับอาชีพก็รู้สึกว่าน่ารักมาก เก่งมาก จำบทได้และสามารถพูดได้ และ เด็ก  ๆ ยังได้แต่งตัวของแต่ละอาชีพในอนาคต ก็รู้สึกประทับใจ ถือเป็นการเริ่มต้นวันเด็กที่สดชื่น สดใส ส่วนน้องกลุ่มเต้น BLOCK D ก็รู้สึกประทับใจมากจนต้องค้างตาโต เพราะน้อง ๆ เก่งมาก มีลีลาการเต้นหรือไลน์การเต้นมีความจริงจังและทำให้รู้ว่าได้ผ่านการฝึกฝน มีความตั้งใจ ความสามัคคีในการผลิตโชว์ออกมาได้เป็นอย่างดีและน่าประทับใจ ก็ขอชื่นชมและขอสนับสนุนให้น้องไปต่ออย่างต่อเนื่อง

นายกฯ กล่าวว่า เราเปิดโอกาสให้เด็กสมัยใหม่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยมีผู้ใหญ่คอยแนะนำคอยบอกเล่าประสบการณ์ที่เจอมา เพื่อให้เด็ก ๆ มีความรู้ มีข้อมูลที่มากพอพร้อมที่จะตัดสินใจได้ ทำไมคำขวัญวันเด็กปีนี้จึงบอกว่า “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” หมายความว่า ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ที่เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกรุ่นทุกวัยไม่จำเป็นว่า ผู้ใหญ่โตแล้วไม่ต้องเรียนรู้ หรือ เด็ก ๆ เรียนรู้เท่ากับเพื่อนไม่ต้องสนใจคนอื่น อันนี้ไม่จริง ทุกโอกาสทุกคนเกิดการเรียนรู้ได้ คุณตา อายุ 70 กว่าก็สามารถเรียนรู้ได้โดยเรียนรู้จากหลานอายุ 6-7 ขวบได้ โลกของเขาต่างกันประสบการณ์ต่างกันแต่เมื่อทุกคนหันหน้าเข้าหากันเปิดใจพร้อมเรียนรู้พร้อมรับฟังซึ่งกันและกัน นั่นแหละคือโอกาสแห่งการเรียนรู้ นี่คือที่มาของคำขวัญวันเด็กปีนี้ และแน่นอนก็อยากให้น้อง ๆ ได้รู้ว่าโลกเราเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วันนี้เทคโนโลยีเข้ามาอย่างมากมาย สมัยรุ่นพี่ก็ไม่เหมือนรุ่นน้องในปัจจุบัน มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนต้องพร้อมที่จะปรับตัวเข้ากับโลกเข้ากับยุคสมัยให้เรารู้คุณค่าของตัวเรา และพร้อมที่จะปรับตัวสู่อนาคตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“วันเด็กปีนี้ขอให้น้อง ๆ ทุกคนมีโอกาสในการเรียนรู้เยอะ  ๆ วันนี้กระทรวงศึกษาได้สร้างสิ่งที่น่าเรียนรู้รอบตัว สร้างความสนุกด้วยได้เรียนรู้ไปด้วย ต้องขอขอบคุณกระทรวงศึกษาธิการมาก วันนี้ก็ขอให้เรียนรู้ได้เต็มที่และขอให้น้อง ๆ ทุกคนมีอนาคตที่สดใส และให้ทุกที่ของน้อง ๆ เป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ แล้วมีอนาคตที่เลือกเองอย่างถูกต้องเพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต”นายกรัฐมนตรีกล่าว

ทั้งนี้ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นเจ้าภาพในการประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนให้มาร่วมมือกันด้วยดีในวันนี้ และกระทรวงศึกษาธิการยังได้รับเกียรติจากหลายสถานทูตที่มาร่วมจัดกิจกรรมด้วย ถือว่าโลกไร้พรมแดนจริง ๆ และเป็นอีกหนึ่งมิติของการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ จากความสำเร็จวันนี้ทำให้ปีหน้าต้องจัดยิ่งใหญ่กว่านี้ ก็ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อแม่พี่น้องว่า ถ้าอยากเห็นเด็ก ๆ มีความสุขก็สามารถพามาที่กระทรวงศึกษาธิการได้ และหน่วยงานต่าง ๆ ก็สามารถติดต่อมาร่วมจัดกิจกรรมกับทางกระทรวงศึกษาธิการได้ เพื่อให้การจัดงานปีหน้ามีความยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก สำหรับนายกฯที่มาเป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติที่กระทรวงศึกษาธิการ ก็ยิ้มดีใจตลอดเวลา  โดยเฉพาะตอนที่เด็ก ๆ แสดง นายกฯ ก็ยิ้มและปรบมือชื่นชมตลอด

ศธ.จับมือ Google for Education พลิกโฉมการศึกษา เปลี่ยนโลกอนาคตให้เด็กไทย 

เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกล่าวเปิดงานประกาศความร่วมมือระหว่างศธ. กับ Google for Education เพื่อร่วมกันพลิกโฉมอนาคตการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล โดยมีผู้บริหารศธ.และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีสกอตต์ หว่อง หัวหน้าฝ่ายด้านการศึกษา Google Asia Pacifc และแจ็คกี้ หวาง Country Director Google ประเทศไทย เข้าร่วมว่า ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศตามนโยบาย “Anywhere Anytime” ที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้ทุกที่ทุกเวลา โดยความร่วมมือกับ Google for Education จะเป็นหลักสูตรและประกาศนียบัตรสำหรับนักเรียนครั้งแรกในโลก โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้และสอบวัดระดับความรู้เกี่ยวกับ Google Workspace for Education และ ChromeOS ผ่านระบบ Massive Open Online Courses (MOOC) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลของ Google ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และได้รับประกาศนียบัตรหลังเรียนจบหลักสูตร

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ยังมีการใช้ Chromebook ในกลุ่มโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ มุ่งเน้นการนำ Chromebook ไปใช้ในการเรียนการสอนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความสนุกสนานในการเรียนรู้ และลดภาระงานของครูผู้สอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนในกลุ่มโรงเรียนความต้องการพิเศษอีก 20 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากพบว่า โครงการวิจัยที่ Google for Education ได้ทำร่วมกับโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ ประสบความสำเร็จด้วยการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ควบคู่กับการใช้เครื่องมือจัดการเรียนรู้เชิงรุก ส่งเสริมความคิดเชิงวิพากษ์การแก้ปัญหา การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน ตลอดจนพัฒนาความรู้ด้านไอซีทีของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนั้น โครงการความร่วมมือ Google for Education จะมีการดำเนินการผุดคู่มือที่เรียกว่า Guideline AI หรือการสร้างความก้าวหน้าทางการศึกษาด้วย AI โดยในปีการศึกษา 2568 คาดว่าจะประกาศใช้นโยบาย Guideline AI ซึ่งอาจจะต้องมีการหารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการการใช้งานขึ้น รวมถึงการศึกษาตัวอย่างการใช้ Guideline AI ของประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อมาปรับบริบทการใช้งานให้เข้ากับของประเทศไทย อีกทั้งการควบคุมการใช้งานระบบดังกล่าวจะกำหนดการเข้าถึงของเด็กด้วยว่าควรอยู่ในกลุ่มไหนบ้าง”รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

แจ็คกี้ หวาง, Country Director, Google ประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับงานในวันนี้ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่าง ศธ. และ Google ในการพัฒนาการศึกษาไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่ง Google ให้ความสำคัญกับพันธกิจ ‘Leave No Thai Behind’ ตั้งแต่ปี 2561 โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างความปลอดภัยออนไลน์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนไทย เช่น Search และ YouTube เพื่อให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ เชื่อว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของโอกาสและความเท่าเทียม Google จึงมุ่งมั่นที่จะนำผลิตภัณฑ์ที่ดีทีสุดที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมสำหรับการเรียนการสอนและสร้างทักษะดิจิทัลให้เยาวชน ซึ่งเรามีความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ศธ.มาหลายปี ตั้งแต่การนำเทคโนโลยีมาใช้ในห้องเรียน เช่น Google Classroom และ Chromebook ไปจนถึงการวิจัยพัฒนาการเรียนการสอน โดยเฉพาะในช่วง COVID-19

.“การประกาศลงทุนสร้าง Data Center และ Cloud Region ในประเทศไทยมูลค่า กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท เมื่อเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา โดยคุณ Ruth Porat ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการศึกษาและเศรษฐกิจไทย โดยเชื่อมั่นว่าการลงนามในวันนี้จะช่วยผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของการศึกษาไทยให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบาย Anywhere Anytime ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมก้าวไปสู่สังคมที่เท่าเทียมและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น”แจ็คกี้ หวาง, Country Director, Google กล่าว

“อาชีวะ จับมือ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า สร้างสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษา”ป้องกันแก้ไขปัญหาความรุนแรง

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบหมายให้ นายทวีศักดิ์ คิ้วทอง ผู้อำนวยการสำนักติดตามและประเมินผลการอาชีวศึกษา ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย เข้าร่วมกิจกรรมการสร้างสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษา : กรณีอาชีวศึกษานำร่อง ระหว่างวันที่ 8 – 9 มกราคม 2568 ณ ห้องภูวนาถประชาธิปก (ฝั่งห้องอบรม) สถาบันพระปกเกล้า สำนักสันติวิธีและธรรมาธิบาล สถาบันพระปกเกล้า กลุ่มธนบุรี จำนวน 9 วิทยาลัย ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธาราม,  วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร , วิทยาลัยประมงสมุทรสาคร , กาญจนาภิเษกวิทยาลัยช่างทองหลวง วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม , วิทยาลัยเทคโนโลยีกรุงธน , วิทยาลัยเทคโนโลยีปิ่นมณฑล , วิทยาลัยเทคโนโลยีฐานเทคโนโลยี , วิทยาลัยเทคโนโลยีนครปฐม , ส่งนักเรียนระดับ ปวช. และส่งนักศึกษาระดับ ปวส. วิทยาลัยละ 5 คน ประกอบด้วย นักเรียน และนักศึกษา 4 คน (คละหญิง -ชาย)ครูพี่เลี้ยง1 คน ดำเนินโครงการการวิจัย “การสร้างสันติวัฒนธรรมในสถานศึกษา กรณีศึกษา : อาชีวศึกษานำร่อง” ประจำปี 2568   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์และปัจจัยที่นำมาสู่ความรุนแรงและมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาความรุนแรง เพื่อให้สถานศึกษาปลอดภัย ตามนโยบาย เรียนดี มีความสุข ของพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและเพื่อนำไปสู่การจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ต่อไป

ทั้งนี้ได้มี นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดร.ศุภณัฐ เพิ่มพูนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล ดร.ชลัท ประเทืองรัตนา ผู้เชี่ยวชาญ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล และดร.ชลัท อุยถาวรยิ่ง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกมหานคร พร้อมด้วยผู้บริหาร ครูบุคลากร จากสถานศึกษากลุ่มธนบุรี ทั้ง 9 แห่ง ให้เกียรติมาเป็นวิทยากร และเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

รอลุ้น!9รายชื่อบริหารต้นศธ.คลอดต้นเดือนมีนาคม “ใครจะเข้าวิน”

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ดร.สุเทพ  แก่งสันเทียะ  ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงการสรรหาผู้บริหารระดับต้น(ซี 9)สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ว่า ขณะนี้ กองบริหารทรัพยากรบุคคล (กบค.)สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เสนอตำแหน่งว่างขึ้นมาแล้ว โดยในส่วนของสำนักงานปลัดศธ.มีตำแหน่งว่าง 6 ตำแหน่ง คือ ผู้ช่วยปลัดศธ. 1 ตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) 1 ตำแหน่ง รองศึกษาธิการภาค 4 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 1 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 1 ตำแหน่ง และ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) 1 ตำแหน่ง รวมผู้บริหารต้น ศธ.ที่มีตำแหน่งว่าง ทั้งสิ้น 9 ตำแหน่ง โดยขณะนี้ คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน(อ.ก.พ.)กระทรวงศึกษาธิการ ที่มี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาสรรหาผู้บริหารระดับต้นศธ.แล้ว โดยมี นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) เป็นประธาน ซึ่งจะดำเนินการสรรหาและแต่งตั้ง ไปพร้อม ๆ กันทุกแท่ง

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า กระบวนการในการสรรหาผู้บริหารระดับต้น จะเริ่มราว ๆ กลางเดือนมกราคมนี้ ซึ่งประธานสรรหาฯจะมีการประชุมพิจารณาหลักเกณฑ์ จากนั้นก็จะมีการประกาศหลักเกณฑ์การสรรหาฯ ประกาศรับสมัครตรวจสอบคุณสมบัติ ใครที่ไม่ผ่านหรือยังไม่มีการประเมินสมรรถนะการบริหารจาก คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.)หรือใบประกาศประเมินสมรรถนะ ก.พ.หมดอายุ ก็ให้ประสานส่งรายชื่อไปที่ ก.พ.เพื่อดำเนินการออกให้ จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการประกาศรายชื่อผู้ที่มีคุณสมบัติจะเข้ารับการสรรหาเป็นผู้บริหารระดับต้น และขั้นตอนสุดท้ายก็จะเข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์หรือประเมินความเหมาะสมเพื่อให้ผู้สมัครแสดงวิสัยทัศน์ ให้ได้บุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่ง และให้ต้นสังกัดผู้มีอำนาจลงนามแต่งตั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลังจากนี้สองเดือนและจะได้รายชื่อผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นศธ. ในราวต้นเดือนมีนาคม นี้

“วันครู” ปีนี้ “ศธ.จัดเต็ม”รับของขวัญจาก 11 หน่วยงาน ทั้ง ลดภาระ ส่งเสริม พัฒนา ฟรีเรียนออนไลน์

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีแถลงข่าวการจัดงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 โดยมี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสิริพงศ์  อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานอนุกรรมการจัดงาน ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และ ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา  คณะกรรมการประชาสัมพันธ์งานวันครูฯ ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา  ครูและบุคลากรทางการศึกษา และผู้มีเกียรติ ร่วมงาน ณ ห้องประชุมบุณยเกตุ ชั้น 1 อาคารหอประชุมคุรุสภา สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน กล่าวว่า การจัดงานวันครู ครั้งที่ 69  พ.ศ. 2568 นี้ กระทรวงศึกษาธิการ โดยคุรุสภา องค์กรหลักและองค์กรในกำกับร่วมจัดงานวันครูทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ในรูปแบบผสมผสาน ทั้ง Onsite และ Online ภายใต้แนวคิด ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา : สร้างเด็ก “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” โดยเชื่อว่าเมื่อครูทุกคนร่วมใจกันสร้างความเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการศึกษาให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้ศิษย์ฉลาดรู้ คือ รู้ในสิ่งที่ควรรู้ รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ ฉลาดคิด คือ คิดอย่างมีเหตุมีผล ฉลาดทำ คือ ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษา อย่างมีคุณภาพ โดยครูคุณภาพ ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ทำดี ทำได้ ทำทันที มีเป้าหมายสูงสุดที่มุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งในด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความปลอดภัย และมีการศึกษาที่เป็นเลิศสามารถสร้างความมั่นคงของชีวิต เพื่อการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ในวันครูปีนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานงานวันครูของส่วนกลาง ในวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ หอประชุมคุรุสภา และมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT) และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รวมทั้ง มีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ ยูทูปและเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุรุสภา พร้อมล่ามภาษามือด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว้า เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 นี้ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดเตรียมของขวัญที่จะมอบให้แก่ครู และบุคลากรทางการศึกษา จากหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัด และในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 11 หน่วยงาน ดังนี้ 1. สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดบริการระบบย้ายข้าราชการครู ออนไลน์ ผ่านระบบ TRS (Teacher Rotation System) ลดภาระการจัดทำเอกสารคำร้องขอย้าย ความยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ ปิดช่องทางการเรียกรับผลประโยชน์ 2. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา Spark and Share Idea แจกฟรีรวมไอเดียการสอนและการบริหารจัดการสถานศึกษา Upskills ครูมืออาชีพสู่การพัฒนา DOE เด็กไทย และคลังความรู้สำหรับครูยุคดิจิทัล 3. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อบรมภาษาอังกฤษพร้อมสอบวัดระดับ CEFR ฟรี 10,000 Users 4. สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จัดกิจกรรม 1 ครู 1 วิชาชีพ ฝึกอบรมวิชาชีพระยะสั้น Up skill  กว่า 800 หลักสูตร ให้กับครูที่สนใจ คนละ 1 หลักสูตร เพื่อเพิ่มทักษะใหม่ ๆ สำหรับใช้ในการสอน และการสร้างอาชีพเสริม 5. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา เปิดอบรมหลักสูตรวันครู รับเกียรติบัตรและชั่วโมงต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ฟรี รับสิทธิ์เข้าใช้งาน Smart Education Hub คณิตศาสตร์สิงคโปร์ ฟรี เรียนภาษาอังกฤษจาก Voxy Platform  ฟรี คูปองการเรียนใน Coursera Platform (International Certified) หลักสูตร AI Essentials 6. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา แจกสื่อการเรียนการสอนให้กับคุณครูฟรี และ องค์การค้าของ สกสค. ลดสินค้าราคาพิเศษ สูงสุด 50% ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา 7. สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ โครงการเยียวยาให้ครูมีคุณวุฒิทางการลูกเสือ จัดทบทวนผู้ที่ผ่านการอบรมบุคลากรทางการลูกเสือที่ยังไม่ได้คุณวุฒิวูดแบดจ์ จำนวน 1,000 คน 8. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ลดราคา E-book สูงสุด 30% ลดราคาสื่อและบอร์ดเกม 15 % และพัฒนาทักษะการประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน (Formative Assessment) ในรูปแบบออนไลน์พร้อมแจกฟรี ChatBot MathMeow (แบบทดสอบคณิตศาสตร์พื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย) และดาวน์โหลดฟรี สื่อดิจิทัลสถานการณ์จำลองแบบมีปฏิสัมพันธ์วิชาฟิสิกส์ และสื่อที่น่าสนใจ อีกมากมาย 9. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา ฟรี อบรมผ่านระบบ E – learning ของ สมศ. เรื่อง “การจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัยในสถานศึกษา” เพื่อนำใปใช้จัดการกับความปลอดภัยของนักเรียน 10. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ บริการจัดการทดสอบโดยยกเว้นค่าธรรมเนียมการสอบ 200 บาท ในการดำเนินการจัดสอบ ครู บุคลากรทางการศึกษา นิสิต นักศึกษาและบุคคลทั่วไป จำนวน 10,000 ที่นั่ง 11. โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ฟรีวารสาร MWIT ในรูปแบบ e-Magazine เน้นสาระด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลาย และเรียนฟรีหลักสูตร MWIT ผ่าน MWIT Media

ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า คุรุสภาจัดงานวันครูขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 และได้มีการจัดงานวันครูอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครูและพัฒนาวิชาชีพครู เพื่อส่งเสริมสามัคคีธรรมความร่วมมือและความเข้าใจอันดีระหว่างครู และครูกับประชาชน และเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาตระหนักถึงความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม เพื่อปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนของชาติ

ทั้งนี้ กิจกรรมวันครูนั้นจะเริ่มตั้งแต่ภาคเช้า มีพิธีทำบุญตักบาตรวันครู พิธีบูชาบูรพาจารย์และระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ พิธีมอบรางวัลของคุรุสภา ภาคบ่าย มีการปาฐกถาพิเศษ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ครั้งที่ 8 เรื่อง เรียนดี มีความสุข : ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา สร้างเด็ก “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” โดยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และพิธีมอบรางวัลของคุรุสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คุรุสภาจัดให้มีพิธีมอบรางวัลผู้มีคุณูปการ ต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2568 เข็มคุรุสภาสดุดีและเกียรติบัตร รางวัลคุรุสภา “ระดับดี” ประจำปี 2567 รางวัลครูผู้สอนดีเด่น ประจำปี 2567 รางวัล“คุรุสดุดี” ประจำปี 2567 รางวัลผลงาน “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” ประจำปี 2567 รางวัลผลงานวิจัยของคุรุสภา ประจำปี 2567 รางวัลพระพฤหัสบดี ระดับประเทศ ประจำปี 2567 รางวัล “ครูดี ในดวงใจ” และรางวัลครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์และเป็นผู้มีคุณูปการต่อการศึกษา จำนวน 10 คน  รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,217 คน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมถึงในพิธีการงานวันครูจะมีการถ่ายทอดสดงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ในวันที่ 16 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และแบบออนไลน์ผ่านช่องทางออนไลน์ยูทูปและเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุรุสภา พร้อมล่ามภาษามือ

นอกจากนี้คุรุสภายังได้จัดให้มีกิจกรรมผ่าน Platform วันครู wankru.ksp.or.th มีนิทรรศการวิชาการออนไลน์ของผู้ได้รับรางวัลของคุรุสภา การอบรมผ่านหลักสูตรออนไลน์เพิ่มพูนสมรรถนะเพื่อการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพ จำนวน 8 หลักสูตรและบทเรียนจรรยาบรรณของวิชาชีพทางการศึกษา รวมทั้งกิจกรรมการส่งบัตรคาราวะครูออนไลน์ ร่วมระลึกถึงพระคุณครู และแชร์ความรู้สึกดี ๆ ต่อครู เพื่อสร้างความภาคภูมิใจแก่ผู้ประกอบวิชาชีพครูทั่วประเทศและเพื่อรณรงค์ให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปได้เห็นความสำคัญของครูและวิชาชีพทางการศึกษา และร่วมกิจกรรมการจัดงานวันครูและระลึกถึงพระคุณครูข้อมูลเพิ่มเติม

อว.เตรียมผลิตครูพัฒนาท้องถิ่น เฟส 2 หลังเฟสแรกได้ครูรุ่นใหม่ ไฟแรง มีจิตวิญญาณ เก่ง ฉลาด แต่กว่าครึ่งมีจุดอ่อนด้านภาษา 

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 รศ.ดร.มนตรี แย้มกสิกร อนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการบริหารการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว)ที่ปรึกษาของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ด้านพัฒนาวิชาชีพ  เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว)  กำลังจะทำโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เฟส 2 เพื่อคัดเลือกคนดี คนเก่ง มาเป็นครู ถือเป็นการเตรียมครูใหม่ หรือครูในอนาคต  ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตครูระบบจำกัดจำนวนรับ (ระบบปิด) ในสาขาวิชาและพื้นที่ที่เป็นความต้องการของหน่วยงานผู้ใช้ครู เมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยการจัดการเรียนการสอนจะเป็นการเตรียมทักษะใหม่ ๆ ที่จะตอบโจทย์ของโลกอนาคตด้วย เพราะโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เป็นเรื่องของแนวคิดการผลิตครู แบบ Teacher Training Schools ไม่ใช่กระบวนการ Lecture แต่สถาบันผลิตครูจะใช้โรงเรียนเป็นที่พัฒนาครูให้มากขึ้น คือ เป็นการพัฒนากระบวนการผลิตครูที่ยึดผู้ใช้ครูเป็นตัวตั้ง ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะยาวไปถึงปี 2583 ซึ่งจะเริ่มรุ่นแรก ปี 2569 และบรรจุได้ในปี 2573 โดยตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ให้กรอบอัตรากำลัง 25 % ของอัตราเกษียณใน 10 ปีข้างหน้ามาแล้ว

“ต้องถือว่าโครงการนี้เป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการวิชาชีพครูได้มาก สามารถแก้ปัญหาขาดแคลนครูได้  คือ พื้นที่ไหนขาดแคลนวิชาเอกอะไรก็จะผลิตครูเข้าไปเสริม โดยเฟส 2 นี้จะมีการแก้จุดอ่อนของเฟสแรก ซึ่ง คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการบริหารการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของกระทรวง อว ที่มี ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เป็นประธาน ได้มีการลงกำกับติดตามและนำข้อมูลครูรุ่นแรกบรรจุเข้าไปอยู่แล้วพบว่า ปัญหา อุปสรรคที่สำคัญ คือ เรื่องของภาษาอังกฤษ ที่บัณฑิตไม่สามารถสอบผ่านภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ของโครงการได้ เมื่อภาษาอังกฤษไม่ผ่านก็ไม่สามารถบรรจุได้ ทำให้ปลายทางซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็กในเขตพื้นที่รอไม่ได้ จนทำให้เกิดการบรรจุช้า ขณะที่โรงเรียนใหญ่รอได้ครูส่วนใหญ่ก็ได้บรรจุไปโรงเรียนขนาดใหญ่ ทำให้ผลของโครงการไม่ค่อยตรงตามวัตถุประสงค์ ไม่ถือว่าทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับสถานศึกษาที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไร ถึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ แต่ในแง่ของความเก่ง ความมุ่งมั่น ส่วนบุคคลของเด็กดีมาก มีจิตวิญญาณความเป็นครู เรื่องเทคโนโลยีมีความฉลาดในการใช้สื่อ ส่วนใหญ่เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กเก่งแต่จุดอ่อนคือเรื่องของภาษาทำให้บรรจุได้เพียง 52% เท่านั้น  ทำให้โครงการเฟส 2 ต้องมาสร้างจุดแข็งในเรื่องของภาษาให้มากขึ้น เพราะเรายืนยันว่าเรื่องของภาษาเป็นสิ่งจำเป็น”รศ.ดร.มนตรี กล่าว

มทร.กรุงเทพ ทูลเกล้าฯถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในหลวง – พระราชินี

มทร.กรุงเทพ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจสมัยใหม่ แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมครุยวิทยฐานะ

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ รศ.ชาญ ถนัดงาน นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ พร้อมด้วย รศ.ดร.พิชัย จันทร์มณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ นำคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวาย ถวายปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล พร้อมครุยวิทยฐานะ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติคุณ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจสมัยใหม่ พร้อมครุยวิทยฐานะ แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการเครื่องกลมาตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการฝึกอบรมด้านการบินหลายหลักสูตรจากเครือรัฐออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ทรงพระราชวิริยอุตสาหะเพิ่มพูนความรู้ในวิทยาการแขนงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยาการด้านการบิน ทรงนำหลักวิชาการด้านกลศาสตร์ไปทรงใช้ในการบินอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งทรงพระปรีชาสามารถด้านวิทยาการเครื่องกลเป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ประชาชนชาวไทย และนานาอารยประเทศ ซึ่งทรงนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมา

สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในการทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านงานศิลปาชีพ เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ผลิตงานด้านศิลปหัตถกรรมเป็นอาชีพเสริม นอกเหนือจากงานการเกษตรซึ่งเป็นอาชีพหลัก ทรงพระปรีชาสามารถในการบริหารจัดการ และวางแผน การอำนวยการ การประสานงาน การปกครองบังคับบัญชา การควบคุม และการกำกับดูแลการปฎิบัติหน้าที่ของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ทรงนำความรู้และหลักการจัดการสมัยใหม่ไปประยุกต์ใช้ในโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในโอกาสนี้ ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวายตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และดอกรวงผึ้ง ทำด้วยสบู่ชนิดพิเศษกลิ่นเครื่องหอมไทย กับผ้าไหมลายขัด 4 ตะกอ และผ้าไหมตะกอเลโนแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี

อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตร แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ประจำปีการศึกษา 2566 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ โดยมีผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ทั้งสิ้นจำนวน 1,989 คน แบ่งเป็น ระดับดุษฎีบัณฑิต 3 คน มหาบัณฑิต 57 คน และ บัณฑิต 1,929 คน

สภาการศึกษาค้นพบปัจจัยที่ส่งผลคะแนนPISAต่ำ ขณะที่ “ครูอุ้ม”มอบสพฐ.รณรงค์ให้เด็กม.3 มาสอบโอเน็ตให้มากที่สุด พร้อมชื่นชมหน่วยงานค้นเด็กหลุดระบบการศึกษากลับมาเรียนได้มากขึ้น

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมประสานภารกิจกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน( สพฐ.)และ สภาการศึกษา(สกศ.)  โดย ในส่วนของ สพฐ.มีความก้าวหน้าการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ในระดับเขตพื้นที่ ทุกรุ่น ใน 245 เขตพื้นที่ ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 176,465 คน อบรมเสร็จแล้ว 44,584 คน โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ สกศ.นำเสนอข้อค้นพบจาก โครงการ PISA-Based Test for School (PBTS 2023) ประเทศไทย ซึ่งพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการศึกษาของผู้เรียน ได้แก่ 1. ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว ส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนอย่างทวีคูณ “การยกระดับ PISA จึงต้องให้ความสำคัญครอบคลุมไปถึงครอบครัวด้วย” 2. ผลคะแนน PBTS 2023 เชื่อมโยงกับคะแนนโอเน็ต ป.6 “หากสามารถพัฒนาผลการทดสอบโอเน็ตได้ ก็จะทำให้ผลทดสอบ PISA ดีขึ้นด้วยเช่นกัน” 3. ปัจจัยที่ส่งผลต่อ PISA ได้แก่ เศรษฐานะ สภาพแวดล้อมในห้องเรียน ทักษะสมอง EF กับเด็กปฐมวัย Personality และ Growth Mindset เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลการทดสอบ PISA “การพัฒนานักเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาหรือปฐมวัย ช่วยยกระดับผลการทดสอบ PISA และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ด้วย

“ที่ผ่านมา เด็กสมัครสอบโอเน็ตเยอะ แต่ไปเข้าสอบน้อย จึงมอบให้ สพฐ. ไปหาแนวทางและวิธีการสร้างความสนใจและดึงดูดใจให้เด็กสมัครใจเข้าสอบทุกคน (100%) เพื่อนำผลโอเน็ตมาพัฒนาการเรียนการสอน โดยใช้แนวทาง Anywhere Anytime จัดสอนเสริมหรือติวให้กับเด็กที่ยังอ่อนในวิชาต่าง ๆ และนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรในแต่ละช่วงชั้นให้ทันสมัย รวมถึงนำไปสู่การพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนของครูให้มีคุณภาพมาตรฐานด้วย และที่สำคัญในส่วนของนักเรียน ม.3 เมื่อเข้าสอบโอเน็ตแล้วทำให้รู้ถึงจุดอ่อนก็จะมาเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสอบPISA  ต่อไป เพราะPISA เป็นระบบการสุ่มสอบซึ่งไม่มีใครทราบว่าจะเป็นเด็กคนไหน ดังนั้นเราก็ควรเตรียมความพร้อมให้เด็กทุกคน จึงต้องรณรงค์และขอร้องให้เด็ก ม.3 เข้าสอบให้มากที่สุด”พล.ต.อ.เพิ่มพูนกล่าว

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในส่วนของการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษาเชิงระบบ (THAILAND Zero Dropout) ทาง สกศ.รายงานข้อมูลเด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษา ณ วันที่ 6 ม.ค.2568 พบจำนวนเด็กนอกระบบการศึกษา 1,025,514 คน ติดตามแล้ว 557,277 คน คิดเป็นร้อยละ 54.34 ยังไม่ได้ติดตาม 468,237 คน คิดเป็นร้อยละ 45.66 โดยในจำนวนนี้ มีเด็กที่อยู่ในการศึกษาภาคบังคับ ช่วงอายุ 6 – 15 ปี ตกหล่นจำนวน 442,962 คน ติดตามแล้ว 176,450 คน คิดเป็นร้อยละ 39.83 ยังไม่ได้ติดตาม 266,512 คน คิดเป็นร้อยละ 60.17  ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราสามารถติดตามน้องกลับมาในระบบได้มากกว่าปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก เนื่องจากปีนี้มีการเอาจริงเอาจังทุกส่วน โดยเฉพาะสพฐ.มีโครงการพาน้องกลับมาเรียน โดยมีกรมส่งเสริมการเรียนรู้(สกร.) มีบทบาทในการเข้ามาเติมเต็ม ทำให้ได้ข้อมูลมากขึ้น ได้รู้ว่าเด็กที่ไม่กลับมาสู่ระบบไปไหนบ้าง ซึ่งจาก บุรีรัมย์ Zero Drop out model พบว่ามีข้อมูลเด็กหลุดออกนอกระบบ จำนวน 4,390 คน พบตัว 1,373 คน ไม่พบตัว 3,017 คน มีผลสำรวจครบทั้ง 100% มีการวิเคราะห์ข้อมูลเด็กที่ค้นพบ ประกอบด้วย ส่วนที่พบตัว จะอยู่ในกลุ่มที่เคยศึกษา กลุ่มที่กำลังศึกษา และกลุ่มที่ไม่เคยศึกษา, ส่วนกลุ่มไม่พบตัว มีสาเหตุจากการย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ อยู่ต่างจังหวัด อยู่ต่างอำเภอ และอยู่ในเรือนจำ สถานพินิจ เป็นพระ/เณร หรือเสียชีวิต เป็นต้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะหาวิธีการแก้ไขหาทางให้เด็กได้กลับมาเรียน  โดยอาจต้องให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเข้ามาร่วมจัดหาที่เรียนให้เด็กต่อไป