เมื่อวันที่ 4 ก.ค.2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ให้สัมภาษณ์ ระหว่างการร่วมแถลงข่าวมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาฯ(สอวน.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.)ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานค่ายวิทยาศาสตร์เยาวชนภูมิภาคเอเชีย : Asian Science Camp 2025 ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2568 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 และ เทคโนธานี มทส.ที่อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ โดย ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงนโยบายการจัดการศึกษาของรัฐบาลชุดใหม่ จะดำเนินการอย่างไร
ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า เรื่องที่จะต้องทำเร่งด่วน คือ การพัฒนาครู และการดูแลนักเรียนที่ยังต้องดูแลเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวนโยบายการพัฒนาด้านการศึกษาของรัฐมนตรีและรัฐบาลยุคปัจจุบัน จะเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความยั่งยืน เพราะเครื่องมือมีวันเสื่อมมีวันที่จะทรุดโทรม แม้ว่าจะได้เครื่องมือมา แต่บุคลากรยังไม่มีความพร้อม ไม่มีความรู้ ไม่ได้รับการพัฒนา ก็จะไม่มีประโยชน์ นี่คือหลักการที่คุยกันไว้ ซึ่งคงจะได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการต่อไป ส่วนเรื่องการเช่าซื้อแท็บเล็ตที่ดำเนินการกันอยู่ขณะนี้ ก็ต้องดูรายละเอียดอีกครั้งว่าสิ่งที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์ตัวชี้วัดของโครงการที่กำหนดไว้อย่างไร อย่างวันนี้เป็นเรื่องการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์ที่จะเข้ามาแข่งขันความสามารถด้านวิทยาศาสตร์กันถึง 22 ประเทศ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่จะต้องสนับสนุน ซึ่งเราจะต้องพัฒนาหลักสูตรให้รองรับในโลกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสเต็มศึกษา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่สำคัญต้องไม่ทิ้งวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่เน้นเรื่องวิทยาศาสตร์ประยุกต์เท่านั้น ดังนั้นการจัดงานวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ เราจะได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้จากนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก จะทำให้เด็กได้เรียนรู้เชิงลึกมากขึ้น โตขึ้นเขาได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกก็ได้ เพราะทราบจาก สอวน.ว่าเด็กไทยไปชนะเลิศอันดับ1 ในการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการระดับนานาชาติได้เหรียญทองจำนวนมาก ซึ่งก็หมายความว่าเด็กไทยไม่แพ้ใครในเวทีโลก ซึ่งจะมีการมอบนโยบายอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการมีหลายสำนักและมีภารกิจที่แตกต่างกัน
“ในฐานะที่รัฐมนตรี อยู่ในแวดวงการศึกษามาก่อนเข้าใจว่าที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ตัวฮาร์ดแวร์แต่เป็นตัวซอฟต์แวร์ ดังนั้นบุคลากรจะต้องมีความพร้อมและเราต้องสนับสนุนบุคลากรให้เต็มที่ ไม่ใช่แค่เรื่องของสถานที่เท่านั้น แต่ต้องมีเรื่องของงบประมาณในการสนับสนุนบุคลากรให้เขาได้ทำการวิจัยในการจัดอบรมพัฒนาต่อยอด ซึ่งเราจะสนับสนุนทุกด้านเพื่อให้บุคลากรมีความเข้มแข็งเราไม่อยากเน้นเฉพาะตัวนักเรียนแต่เราต้องเน้นตัวครูบุคลากรควบคู่กันไปด้วย ถ้าเราอยากให้การศึกษาไทยเปลี่ยนแปลงไปได้ยั่งยืนในอนาคต”ศ.ดร.นฤมล กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม ขอเน้นว่า เครื่องมือควรมาทีหลังเพราะเป็นตัวเสริม ดังนั้นสิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการคือการพัฒนาบุคลากรให้มีความเข้มแข็ง เพราะที่ผ่านมาเราพูดแต่ว่าการศึกษาเน้นเด็กเป็นศูนย์กลางแต่อาจจะลืมเรื่องของครู เรื่องความเป็นอยู่ เรื่องสวัสดิการครู ให้เขามีขวัญกำลังใจไปพร้อมกับการสร้างอนาคตของเขาด้วย