เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงสถานการณ์พายุโซนร้อนคาจิกิที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ให้ดูแลสวัสดิภาพของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และศูนย์การศึกษาพิเศษทุกแห่ง ดูแลให้การช่วยเหลือนักเรียน ครู โรงเรียนในสังกัด รวมถึงทรัพย์สินทางราชการ ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอุทกภัย
“กระทรวงศึกษาธิการมีความห่วงใยในความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรการศึกษาทุกคน เราไม่ต้องการให้ใครได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติครั้งนี้ จึงได้กำชับให้ สพฐ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ เตรียมมาตรการป้องกันและช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน หรือน้ำป่าไหลหลาก โรงเรียนสามารถประกาศหยุดเรียนได้ทันที เพื่อปกป้องความปลอดภัยของเด็ก ๆ และครูเป็นสำคัญ”ศ.ดร.นฤมล กล่าวและว่านอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดจัดเตรียมสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับนักเรียนและครูที่อาจได้รับผลกระทบ เพื่อให้มีที่หลบภัยที่ปลอดภัย รวมถึง เสบียงอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคด้วย ทั้งนี้ ขอให้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานด้านการป้องกันภัยพิบัติในพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากการติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่รายงานสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มที่จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงและเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2568 นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรง ส่วนภาคเหนือจะได้รับผลกระทบในช่วงวันที่ 25 – 27 สิงหาคม 2568 โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับเส้นทางเดินพายุ ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย อุตรดิตถ์ น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน สำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากพายุ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)มีความห่วงใยสวัสดิภาพของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษาทั่วประเทศ จึงกำชับสถานศึกษาในสังกัดให้เฝ้าระวัง เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและศูนย์การศึกษาพิเศษทุกแห่ง ดูแลให้การช่วยเหลือนักเรียน ครู โรงเรียนในสังกัด รวมถึงทรัพย์สินทางราชการ ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอุทกภัยของ สพฐ. ทั้งมาตรการระยะสั้น อาทิ วิเคราะห์ความเสี่ยงในการเดินทางของนักเรียน จัดเตรียมที่พักพิงหากจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้าย สำรวจ/ซ่อมแซมอาคาร ระบบไฟฟ้า-ประปาให้มีความพร้อม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด หากมีเหตุจำเป็นให้ประกาศหยุดเรียนได้ทันที รวมถึงมาตรการระยะยาว แผนเผชิญเหตุ และรายงานสถานการณ์ทุกวัน พร้อมทั้งติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด โดยได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งทราบด้วยว่า หากมีเหตุด่วน เหตุฉุกเฉินที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทุกเขตสามารถประสานโดยตรงมาที่ เลขาธิการ กพฐ. และทีมผู้บริหารทุกคนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที